ข้อความต้นฉบับในหน้า
บางช่วงก็เป็นอย่างนั้น เพราะไม่ใช่จิตปัญญาพิจารณาไปตามความเป็นจริง มองข้ามความเป็นปฏิกูลของสังขารร่างกาย ทั้งของตัวเราเองและผู้อื่น
บางช่วงก็มีความเห็นวิเวลาสา หลงยึดกับของไม่สวยงามว่าร่างงาม
บางครั้งเมื่ออ่อนต่อการปฏิบัติธรรมก็จะไม่มีมลักที่จะไปต่อ หลงเคลิ้มไปกับรูป เสียง กลิ่น รส ในภายนอกที่เอาใจล่อ เ เห็นไปตามมายาภายใน เห็นแต่สิ่งที่บ ทออยู่ภายนอก จิตไม่มีมลักลังไปต่อสู้อีกรองล่ อของพยามาร
ส่วนช่งร่างกายทั้งของเราและของคนอื่น บางช่วงเราคิดว่าเป็นปฏิกูล บางช่วงเราก็ คิดว่าไม่เป็นปฏิกูลนั้ น ใช่ครับ เพราะมันเป็นเพียงความคิด ที่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นจริง สงขร่างกายเราล้วนเป็นสิ่งปฏิกูลทั้งสิ้นครับ แต่เมื่อเราพเนิน ได้ยิน ได้กลิ่น ได้สัมผัสในสิ่งที่ชอบ พึงพอใจถูกใจ เ ราจะเริ่มคิดไปเอง จนทำให้ความมองเห็นสงขร่างกายทั้งของเราและของคนอื่นนั้นไม่เป็นปฏิกูลไปชั่วขณะ ด้วยอำนาจของโลสิล ที่เข้ามาแทรกแซงความปฏิกูลของใจ แต่หากเรามีสติคอยระลึกอยู่เสมอ รู้เท่าทันกิเลสในใจ ตัวเราเองแล้ว เราจะก้มองเห็นสงขร่างกายทั้งของเราและของคนอื่นว่าเป็นปฏิกูลได้ ตลอดเวลา อารมณ์ใน การปฏิบัติธรรมก็จะเกิดขึ้นยิ่งขึ้นในครับ เพราะใจไม่หลุดหลงไปกับ กิเลสสถานะหลายๆที่ขึ้นมาในใจกระครับ
ผมมีความคิดว่า การที่เราจะมีสติรสึกแบบนี้ให้ได้ตลอดจะต้องไม่ขาดการนั่งธรรมะ เลยแม่แต่วันเดียว ยิ่งถ้าใจเราเมิ รออแ่กเจอโลในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ยิ่งต้องนั่งธรรมะให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถทราบใจของเราเองเอาไว้ให้ได้ครับ
พระสุขจันทร์ อติสฺโส
ใช่ครับ เพราะเราฝึกยังไม่ดีพอ จึงทำให้งบงครั้งเราจะเอาโลสสลิมกถึงความจริงของร่างกายทั้งของตัวเอง และของคนอื่นเพราะมันโดนปกปิดด้วยสิ่งปรุงแต่งทำให้เรา คิดว่าร่างกายมันอยู่ตรงที่เห็นจริงๆ และด้วยปัจจุบันเรามีภารกิจเยอะทั้งงานหยาบ งานละเอียด จึงทำให้ใจหลุดออกจากตัวบ่อย จนลืมพิจารณาถึงความจริงของสังขร สมกับคำที่หลวงพ่อท่านได้สั่งสอนเราว่า อย่าเผลอสติ ถ้าเผลอเป็นเรื่องจริงๆ