ข้อความต้นฉบับในหน้า
รู้ได้อย่างไรว่า "ร่างกายของคนอื่นนี้เป็นปฏิกูลด้วยเหมือนอย่างของเรา"
พระประพุทธ พุทธิโล
การที่เราพิจารณาความเป็นจริงของมนุษย์ทุกคน แม้ว่าจะเป็นร่างกายตัวเราเอง หรือร่างกายของผู้อื่นนั้น เราก็จะเห็นตรงต่อคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าร่างกายของเราที่เรารักเราหวงเกินสิบในโลกนี้ไม่ได้สวยสะอาด หูหราหย่อยที่เราหลอกตัวเอง ความเป็นจริงแล้วร่างกายของเรานั้นเปรียบเสมือนโรงงานที่สะอาดของเสียของน่า ถ้าไม่ดูแลรักษาโดยไม่ใส่สบู่ล้างตา สมอง สภาพผิวเหล่านี้ก็จะค่อยๆ ปรากฎกิ๊ง สิ่งที่ดูแล้วสวยก็จะเป็นที่น่ารังเกียจ สิ่งที่ดูแล้วหอมก็จะเหม็น เป็นดัชนี ฉะนั้นการที่เรากลับมาศึกษาสังเกต และวิเคราะห์อย่างนี้ ก็หมายความว่าเราจะไม่ไปเสียเวลา หลยดยันนั้นคือมันในสิ่งชรา ร่างกายของเราในไป
เวลาเดียวกันร่างกายของคนอื่นก็ไม่ต่างจากของเราเป็นปฏิกูลเช่นเดียวกันเพราะเป็น มนุษย์เหมือนกัน คิดได้อย่างนี้ เห็นความเป็นเช่นนี้บ่อยๆ แล้วใจเราไม่ไปเกะกะเกี่ยวในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และธรรมารมณ์ของเพศตรงข้าม เพราะใจมันแข็งในความสงบจากหัวรดเท้าตั้งแต่แรกเห็น ไม่มีโอกาสที่จะบูดแตกล้วให้ดูหวานแหววแน่ๆ ครับ
พระอรรถกถา ภทุมรโม
สามารถดูได้ง่ายๆ ดังนี้ครับ
1. รู้จากการพิจารณาด้วยปัญญาของตนเองว่า ร่างกายของเราเป็นปฏิกูล เหม็นอย่างไร ร่างกายของคนอื่นก็เป็นปฏิกูลเช่นเดียวกันอย่างนั้น
2. รู้จากการอยู่ร่วมกัน เช่น ได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ หรือกลิ่นเหม็นต่างๆ ทั้งกลิ่นปากลาวพูดคุยขณะกัน กลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อ กลิ่นจากไร้ กิ้ นจากเครื่องนุ่งห่มที่ใช้ แล้ว กลิ่นลมบน (เธอ) กลิ่นสมลง (ผายลม) กลิ่นเท้า กลิ่นจุดอาจจะ ปัสสาวะตอนเข้าห้องน้ำ รวมถึงได้เห็นว่าคนอื่นมีกิ๊ดา ขี้ผุน ขี้ใคล มีเหงื่อ มีคราบขี้เลื้อนตามเสื้อผ้า เห็นคราบอุจจาระ ปัสสาวะตามสุขภัณฑ์ เป็นดัชนี
3. รู้จากการสนทนาสอบถามผู้มีปัญญา
4. รู้จากการชมดอกไม้พระอริยะ หรือซากศพ
อันสังขารร่างกายล้วนปฏิกูล แสนอุรากายหยาบไม่เที่ยงแท้
มีเกิดขึ้นอยู่และผันแปร ที่แน่นหนึงหญิงชายเนาะกัน
สิ่งเน่าเหม็นสกปรกออกตามวาร หังภิปรานปลายล่างออกผลวัน
โปรดพิจารณาดูเองดั่งรู้เท่านั่น ปล่อยวางพลังใจหยุดนิ่งด้วยธรรม