ข้อความต้นฉบับในหน้า
ในยุคที่จะคัลยกรรมตกแต่งกำลังเจริญรุ่งเรือง ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ยังคงเป็นปฏิกูลไหม
พระครูวันธรรมนที นนุกกุโฑ
ในยุคที่ศัลยกรรมตกแต่งกำลังเจริญรุ่งเรือง ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง still คงเป็นปฏิกูลอยู่ อย่างเที่ยงแท้แน่นอน เพราะเหตุว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “สิ่งใดที่มีการปรุงแต่ง สิ่งนั้นย่อมไม่เที่ยง” เมื่อเราได้พิจารณาไตร่ตรองตามแล้วก็จะพบว่าเป็นความจริงทุกประการ ดิ่งที่พระพุทธองค์สั่งไว้ และมีประสบการณ์ของผู้ที่เคยทำศัลยกรรมตกแต่งมาแล้ว ก็ย่อมเป็นข้อคิด เป็นอุทาหรณ์ที่เป็นตัวอย่างได้อย่างดี ดังนี้
1. การทำศัลยกรรมตกแต่งต้องใช้งบประมาณมาก ซึ่งผู้มีฐานะร่ำรวย ฐานดี หรือบุคคลประเภทโฆษมากนิยมทำกัน แต่ต้องใช่จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก แม้บางคนฐานะไม่ค่อยดีพิษฐานเสาะแสวงหาเงินทองมา เพื่อแลกกับสิ่งที่คิดว่าเป็นความงาม และสิ่งเหล่านี้เป็นเสมือนภาพลวงตา บุคคลผู้ไร้ไม่ไได้ตรองพิจารณาก็เลยนิยมทำตามๆ กันเป็นแผ่นไป และในที่สุดก็อดอยู่ในสภาวะตามกฎไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปในที่สุด
2. บางคนเมื่อทำศัลยกรรมตกแต่งไปแล้ว เช่น เสริมจมูก เสริมอก ฯลฯ ศัลยกรรมเปลี่ยนสีผิว เป็นต้น ร่างกายเกิดการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาสู่ร่างกาย ตอนทำเจ็บอยากลืมจะงามก็ต้องอดทนเอา บางรายก็เกิดอาการอวัยวะเน่าก็มี มีการติดเชื้อก็มี ผลคือได้รับความทุกข์เข้ามาแทนที่ จะเกิดอะไรเก่าแล้ว
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่ายังไม่มีหมอเทวดาคนไหนที่จะช่วยให้คนเราไม่ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ต้องแก่เถา ฯลฯ และไม่ต้องตาย หรืออยู่ยืนคงกระพันชั่วนิรันดร์ นี่ยอมแสดงให้เห็นว่า สัจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงแท้แน่นอน จริงสุดไว้ว่าแม้ศัลยกรรมตกแต่งกำลังเจริญรุ่งเรือง ผม ขน เล็บ ฟัน หนังที่เสริมเติมแต่งเข้ามาก็ยังคงเป็นปฏิกูลอยู่เอง
พระครูสมุห์วัจักษ์ สุตฺวโร
ไม่ว่าสัลยกรรมตกแต่งจะเจริญก้าวหน้าเพียงใดก็ตามก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง สภาพธรรมคือความจริงของชีวิตไปได้ ความไม่งามของสังขารเป็นสัตว์ธรรม มนุษย์ในอดีตนับเป็นพันเป็นหมื่นปีแล้วพยายามหาวิธีการต่างๆ เพื่อรักษาความงามของร่างกาย และพยายามเอาชนะความเปลี่ยนแปลงและความเป็นปฏิกูลของสังขารร่างกาย แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อธรรมชาติ คือความเป็นจริงของสังขารที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทั้งภายนอกและภายใน ความเป็นปฏิกูลจึงเป็นสิ่งคุ้มมนุษย์ทุกๆ คน ไม่ว่าจะสูง-ต่ำ ดำ-ขาว รวย-จน สูงสุดหรือดำต้อย ย่อมมีร่างกายที่เป็นปฏิกูลเหมือนๆ กัน ตั้งแต่เกิดจนจะถึงตายจากโลกนี้ไปไม่ได้แตกต่างกันเลย