ข้อความต้นฉบับในหน้า
23 สิงหาคม พ.ศ. 2556 03
“- ถ้ามีอารมณ์ขุ่นมัวก็จะนึกถึงเรื่องสบายๆ หรือ ฟังไฟล์เสียงนำนั่งของหลวงพ่อไปเรื่อยๆ
- ตอนนี้ใจเราออกไปอยู่นอกตัวมากน้อยเพียงใด
- ตอนนี้ใจเรานิ่ง เบา หรือใจแกว่งกระเพ่อม
3. จากนี้ก็จะวางใจโดยจะสังเกตตัวเองว่ารอบนี้เราจะวางใจอย่างไร นิ่งๆ เฉยๆ สบายๆ แต่เบาบ้าง ที่ศูนย์กลางกาย หรือมีมโนติอตนเองพระ ดงแก้ เป็นต้น และก็จะวางใจอย่างนั้นไปเรื่อยๆ
4. เมื่อหมดรอบนั่งก็จะสำรวจตนเองและบันทึกผลการปฏิบัติธรรมว่าเป็นอย่างไร ติดขัดและอุปสรรคตรงไหนบ้าง เพื่อจะได้ปรับปรุงและพัฒนาต่อไป
5. สังเกตว่ารอบนี้ที่ดีที่สุด เราปราบาย ปรับท่านั่ง ปรับใจและวางใจอย่างไร นอกกรอบวางใจอย่างไรค่ะ
การสังเกตเล็กๆ น้อยๆ นี้งทำให้เกิดผลการปฏิบัติธรรมดีและก้าวหน้าขึ้น แม้จะที่ละเล็กละน้อยก็ตาม แต่ถ้าช่วงใดที่ลูกไม่ได้ส่งสังเกต สักแต่ว่านั่งให้ครบชั่วโมงไป ก็จะพบว่าการปฏิบัติธรรมช่วงนั้นจะไม่ค่อยก้าวหน้า มีแต่ลบทิ้งหรือดึง เพราะไม่ได้แก้ไขปรับปรุงและพัฒนาค่ะ ดังนั้นการหมุนสังเกตจึงมีความสำคัญมากในการทำธรรมะให้ก้าวหน้า จนไปสู่ฝันฝนที่ฝันใสนได้ค่ะ
○ รัชนีก จะแง่ใส
'สงกต' คือการไตรตรองดู พิจารณาว่าการประกอบเหตุนั้นนี้แล้วจะเกิดผลอย่างไร หรือพิจารณาดูว่าผลอย่างนี้เกิดจากเหตุอะไร เมื่อมั่นใจไตรตรองพิจารณาก็จะรู้เหตุและผลที่จะเกิดตามมาได้ ทำให้เราสามารถแก้ไข ปรับปรุง หรือประกอบเหตุนี้ให้ดีขึ้นไป เพื่อความพอดีและเหมาะสมกับตัวและใจของเรา เช่น สังเกตว่ามือกินอาหาร ปริมาณเท่านี้ พอสมควรแล้ววงหลับแสดงว่ากินอาหารปริมาณมากไป ก็จองปรับหรือสังเกตว่าช่วงนี้กินสมริทิหลับ ก็ไปสังเกตว่ามีอะไร กินก็อิ่ม นอนก็อิ่ม อาจจะพบว่าเกิดจากเส้นติด ก็ไปปรับแก้ไขต่อไปวาทำอย่างไรจึงจะหาย นิ่งไม่หลับเป็นต้น
เราก็ต้องสังเกตทั้งในรอบและนอกกรอบ เพราะจะนั่งธรรมะให้ดีนั้นต้องฝึกทำให้ได้ตลอดเวลา โดยการสังเกตหลักๆ คือ สังเกตในเรื่องการปรับกายและเรื่องของการปรับใจเมื่ออายสบาย ใจสงบ ธรรมะก็จะก้าวหน้า