ข้อความต้นฉบับในหน้า
ร่างกายที่เราเกิดความรู้ว่า “เป็นปฏิกูล” นั้น เราคิดเอง หรือว่าจริงๆ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
พระเหมจักร วรจรโก
ร่างกายที่เราเกิดความรู้ว่า “เป็นปฏิกูล” นั้นเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ได้คิดไปเองครับ เพราะตอนแรกเราอาจจะเห็นเป็นสิ่งสวยงาม แต่พอสมาธิ พิจารณาไปเรื่อยๆ แล้ว สิ่งต่างๆ เหล่านั้นล้วนหลอกลวงเหมือนผักชีโรยหน้า เช่น เอาหนังมาปิดบังของเสียที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย มือ น้ำลาย น้ำหนอง เป็นต้น ดังนั้นต้องมีสติและใช้ปัจจิภาณถึงความเป็นจริงลั้นนั้น ก็จะเห็นไปตามความเป็นจริงว่่า “เป็นปฏิกูล” จริงๆ
พระวิชัย ปญฺญธมฺโม
มีความเข้าใจว่าร่างกายเป็นปฏิกูลจริงๆ เราไม่ได้ดูแลเองครับ เพราะความเป็นปฏิกูลของร่างกายเรานั้นเห็นได้ชัดเจนจากของเสียต่างๆ ที่ไหลออกมาจากทางทวารทั้งหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งปฏิกูล ไม่สวยงามไม่น่าสนใจทั้งนั้น ในขณะทีในเบื้องต้นนั้นหลายสิ่งหลายอย่างที่มารบกวนร่างกายของเราก็ยิ่งเป็นของที่อยู่ในสภาพที่สวยงามและนำรินรยอยู่ แต่ภายหลังพี่มากระทบกับร่างกายเราแล้ว ก็เปลี่ยนไปเป็นของปฏิกูลไป เช่น อาหารที่เรานำมารับประทานก็ดี เครื่องที่เรานำมาสวมใส่ก็ดี หรือเสนาะที่เราใช้งาดๆ ก็ ดี เมื่อมาสัมผัสกับตัวเราแล้ว ต่อมาภายหลังก็มีความเป็นปฏิกูลเกิดขึ้นทั้งนั้น เราต้องคอยทำความสะอาดร่างกายของเราและสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่บ่อยๆ เพื่อจัดความเป็นปฏิกูลให้หมดไปเป็นช่วงๆ แต่ความเป็นปฏิกูลก็ไม่เคยหมดไปจากร่างกายเราเลยครับ ยิ่งเมื่อถึงเวลาที่ทายละเอยละเอียดของเราต้องละจากกายายในเมื่อไร ความเป็นปฏิกูลของร่างกายของเราก็จะแสดงเต็มที่ครับ
พระมหสุริยัน อกากโร
ส่งร่างกายเป็นปฏิกูลนั้นเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ได้ดินเนเฉพาะเราคนเดียว ทุกๆ คนก็เป็นแบบเดียวกัน เป็นปฏิกูลเหมือนกันหมดทั้งหญิงชาย เพียงแต่เราชำระปิดบังไว้ไม่ให้ร่างกายสะท้อนคุณสมบัติอันแท้จริงของมันเอง เสมือนรูปปั้นที่ทำขึ้นจากทองคำยอดแสดงคุณสมบัติของทองคำ แต่ว่ารูปปั้นที่ทำขึ้นจากซากสัตว์น้ำเลือดน้ำหนองก็อ่อนแสดงคุณสมบัติเย็นในวันหนึ่งๆ ก็ต้องกระสับกระสาย ปิดไปเอาไม่ได้นอกจากอื่นเห็น