ข้อความต้นฉบับในหน้า
ร่างกายที่เราเกิดความรู้ว่า “เป็นปฏิกูล” นั้น เราคิดไปเอง หรือว่าจริงๆ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
✿ ศิริรัตน์ สุขามย์
ร่างกายคนเราเป็นเช่นนั้นจริงๆ เป็นปฏิกูล ไม่ใช่คิดไปเอง เพราะ
1. สีสกปรก เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ เลือด น้ำเหลือง มืออยู่จริงในร่างกาย และเป็นที่รังเกียจจริง
2. สบู่ ครีมอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นกาย น้ำหอมต่างๆ ยาสีฟัน เป็นต้น ผลมาเพื่อดับกลิ่นของร่างกายที่เป็นปฏิกูล สิ่งที่เป็นปฏิกูลย่อมส่งกลิ่นเหม็นจริง
3. ทุกนาทีจะมีเซลล์จำนวนมากในร่างกายตายลง สถานที่ก้นหมอนของสิ่งที่ตายแล้วเป็นปฏิกูลจริง
4. เมื่อร่างกายปรากฏจากวุฒิภูมิคุ้มกันที่แน่นอนว่าน้ำมันและกลิ่นเหม็นนั้นเป็นที่รังเกียจ ยากที่จะหาใครอยากครอบครอง ดังนั้นร่างกายนี่เป็นปฏิกูลจริง
✿ สุ่มฮญา หาญสุขวรรณช
ร่างกายของเรานั้นเป็นที่รวบของสิ่งปฏิกูลจริงๆ ตั้งแต่เรื่องของการกิน เพื่อให้ร่างกายของเราดำรงอยู่ เรากินซากศพเข้าไป เมื่อผ่านระบบอยู่อย่างน่ากลัว แล้วส่วนที่ไม่ได้ใช้ก็ทิ้งออกมาเป็นของเสียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ กลิ่นตัว อุจจาระ ปัสสาวะ ในทุกๆ วันร่างกายของเราต้องมีสิ่งเหล่านี้ออกมา หากเอาของเหล่านี้มารวมกันแล้ว เริ่มตั้งแต่เกิดจนถึงตาย คงจะเป็นกองขยะกองใหญ่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้อย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลาที่ต้องหลบตาลงโลก หากเราไม่ได้ดำเนินการเผาหรือฝังของเรา มันก็จะพองอีด ส่งกลิ่นเหม็นคล้ายหนอนชอนไช จนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ อย่าสัมผัส หรือแม้แต่ว่าเราเองก็เหมือนว่าจะเป็นเจ้าของร่างกายนี้ๆ หากได้มาเห็นถึงความเสื่อมสลายดังกล่าว ก็จะไม่อยากได้ต่อไป
✿ อนุชิต ตรีรัตนจุฑาวัฒน์
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตามที่เราได้รับรู้และเห็นประจักษ์มา รวมถึงประสบการณ์ของตัวเราที่แลเห็นดิน น้ำ ลม ไฟ ในตัวแต่ละคน ทั้งๆ ที่ออมให้เห็นในอาการต่างๆ มีมจากทาวรบ น คือการเรอ ลมจากทาวร่าง คือ กลิ่นผายลม มีไฟออกมาด้วย เผาจนกลิ่นกายออกมาคะคลุ่ม มีน้ำไหลออกมา เพื่อระบายความร้อนนั้น คือเหงื่อที่มาลูกกับกาย คือราดิน ให้เหยียดยิ่นอทะนะ นำรังเกียจ ทั้งเขาและเราต่างต้องรีบอาบน้ำ ประคบด้วยสมุนไพร ต้องคอยหาที่ยืนๆ ดับไฟในตัว ต้องคอยปิดวาว ทั้งหลายนี้จึงเป็นปฏิกูล ไม่ใช่คิดไปเอง