ร่างกายมนุษย์กับความเป็นปฏิกูล “อ๊อกถ่อกว่า เหน่อเกอสิยา“  ต้องเปิดอ่าน ถึงจะรู้ หน้า 200
หน้าที่ 200 / 272

สรุปเนื้อหา

บทความนี้สำรวจความเป็นปฏิกูลในร่างกายของมนุษย์ โดยอธิบายถึงการที่ร่างกายผลิตของเสียต่างๆ ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ และถูกมองว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจจากมุมมองต่างๆ เช่นอุจจาระและปัสสาวะ รวมถึงเซลล์ที่ตายแล้วในร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ร่างกายมีสิ่งเหล่านี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังพูดถึงวรรณกรรมและประสบการณ์ชีวิตที่ช่วยทำให้เราเข้าใจถึงการที่เราต้องจัดการกับสิ่งที่เป็นปฏิกูลในร่างกาย และสะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของการมีชีวิต เมื่อเรามองไปยังความเสื่อมสลายที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลกระทบทั้งในด้านจิตใจและร่างกาย โดยรวมถึงการดูแลสุขอนามัยอย่างเหมาะสมเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และรักษาความสะอาด ในที่นี้สะท้อนให้เห็นว่าร่างกายของเรานั้นเต็มไปด้วยความเป็นปฏิกูลจริงๆ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ที่เราต้องยอมรับ

หัวข้อประเด็น

-การสำรวจร่างกาย
-ปฏิกูลและของเสีย
-การดูแลสุขอนามัย
-มุมมองจิตใจต่อร่างกาย
-ธรรมชาติของชีวิต

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ร่างกายที่เราเกิดความรู้ว่า “เป็นปฏิกูล” นั้น เราคิดไปเอง หรือว่าจริงๆ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ✿ ศิริรัตน์ สุขามย์ ร่างกายคนเราเป็นเช่นนั้นจริงๆ เป็นปฏิกูล ไม่ใช่คิดไปเอง เพราะ 1. สีสกปรก เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ เลือด น้ำเหลือง มืออยู่จริงในร่างกาย และเป็นที่รังเกียจจริง 2. สบู่ ครีมอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นกาย น้ำหอมต่างๆ ยาสีฟัน เป็นต้น ผลมาเพื่อดับกลิ่นของร่างกายที่เป็นปฏิกูล สิ่งที่เป็นปฏิกูลย่อมส่งกลิ่นเหม็นจริง 3. ทุกนาทีจะมีเซลล์จำนวนมากในร่างกายตายลง สถานที่ก้นหมอนของสิ่งที่ตายแล้วเป็นปฏิกูลจริง 4. เมื่อร่างกายปรากฏจากวุฒิภูมิคุ้มกันที่แน่นอนว่าน้ำมันและกลิ่นเหม็นนั้นเป็นที่รังเกียจ ยากที่จะหาใครอยากครอบครอง ดังนั้นร่างกายนี่เป็นปฏิกูลจริง ✿ สุ่มฮญา หาญสุขวรรณช ร่างกายของเรานั้นเป็นที่รวบของสิ่งปฏิกูลจริงๆ ตั้งแต่เรื่องของการกิน เพื่อให้ร่างกายของเราดำรงอยู่ เรากินซากศพเข้าไป เมื่อผ่านระบบอยู่อย่างน่ากลัว แล้วส่วนที่ไม่ได้ใช้ก็ทิ้งออกมาเป็นของเสียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ กลิ่นตัว อุจจาระ ปัสสาวะ ในทุกๆ วันร่างกายของเราต้องมีสิ่งเหล่านี้ออกมา หากเอาของเหล่านี้มารวมกันแล้ว เริ่มตั้งแต่เกิดจนถึงตาย คงจะเป็นกองขยะกองใหญ่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้อย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลาที่ต้องหลบตาลงโลก หากเราไม่ได้ดำเนินการเผาหรือฝังของเรา มันก็จะพองอีด ส่งกลิ่นเหม็นคล้ายหนอนชอนไช จนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ อย่าสัมผัส หรือแม้แต่ว่าเราเองก็เหมือนว่าจะเป็นเจ้าของร่างกายนี้ๆ หากได้มาเห็นถึงความเสื่อมสลายดังกล่าว ก็จะไม่อยากได้ต่อไป ✿ อนุชิต ตรีรัตนจุฑาวัฒน์ เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตามที่เราได้รับรู้และเห็นประจักษ์มา รวมถึงประสบการณ์ของตัวเราที่แลเห็นดิน น้ำ ลม ไฟ ในตัวแต่ละคน ทั้งๆ ที่ออมให้เห็นในอาการต่างๆ มีมจากทาวรบ น คือการเรอ ลมจากทาวร่าง คือ กลิ่นผายลม มีไฟออกมาด้วย เผาจนกลิ่นกายออกมาคะคลุ่ม มีน้ำไหลออกมา เพื่อระบายความร้อนนั้น คือเหงื่อที่มาลูกกับกาย คือราดิน ให้เหยียดยิ่นอทะนะ นำรังเกียจ ทั้งเขาและเราต่างต้องรีบอาบน้ำ ประคบด้วยสมุนไพร ต้องคอยหาที่ยืนๆ ดับไฟในตัว ต้องคอยปิดวาว ทั้งหลายนี้จึงเป็นปฏิกูล ไม่ใช่คิดไปเอง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More