ความปฏิกูลของร่างกายมนุษย์ “อ๊อกถ่อกว่า เหน่อเกอสิยา“  ต้องเปิดอ่าน ถึงจะรู้ หน้า 193
หน้าที่ 193 / 272

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงความเข้าใจเรื่องความปฏิกูลของร่างกายมนุษย์ เช่น การสังเกตจากภายนอก ความเจ็บป่วย และความแก่ชรา เพื่อสะท้อนให้รู้ว่าร่างกายของทุกคนมีสิ่งปฏิกูลเหมือนกัน และเสนอวิธีคิดเพื่อกลับมาสำนึกถึงความสกปรกเหล่านี้ผ่านการทำความสะอาดตัวเอง เพื่อให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของสังขารที่เกิดขึ้นในโลกนี้ได้อย่างชัดเจน.

หัวข้อประเด็น

-ปฏิกูลของร่างกาย
-การสังเกตความสกปรก
-ความเจ็บป่วยและอายุ
-วิธีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกาย
-ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสำคัญผิด

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระสุภัสสร ปภาสโร เราสามารถรู้ได้ว่าร่างกายของคนอื่นก็เป็นปฏิกูลด้วยเหมือนของเรา ด้วยการ 1. พิจารณาจากความสกปรกที่สามารถสังเกตได้จากภายนอก หรือสิ่งสกปรกที่ออก มาจากร่างกายอันไม่งาม มีครูดิน ธาตูน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟประกอบกันขึ้น ทำให้สังเกตเห็น ถึงน้ำเลือด น้ำหนอง น้ำเหลือง ขี้ผึ้งต่างๆ เหงื่อไคล ปัสสาวะ อุจจาระ กลิ่นตัว 2.พิจารณาจากความเจ็บป่วยไข้ของคนอื่นว่าร่างกายนี้เป็นร่างแห่งโรค มีสิ่งปฏิกูล หมักหมมอยู่ภายใน 3.พิจารณาจากความแก่ชราของคนอื่นว่าความเสื่อมของสังขารนี้มีอยู่ 4.พิจารณาจากความตายของคนอื่นว่าร่างกายนี้เมื่อเป็นของปฏิกูล ย่อมไม่เที่ยง ชนิดา จันทาราศรีโสล ลูกคิดว่าความจริงเราทราบอยู่แล้วเจ้าค่ะว่าร่างกายของทุกคนส่วนเป็นปฏิกูล เหมือนในของเรา แต่ในบางครั้งความรู้กล่าวว่าถูกบงกันกลิ่นด้วยความสำคัญผิด ในกายเหล่านั้นว่าเป็นเขา เป็นเรา ของเขา ของเรา หรือด้วยความคิดด้านาม ซึ่งเป็นความ เข้าใจผิดที่เกิดจากอวิชชาและโกสัสที่ยังมีอยู่ในใจเราเอง พูดง่ายๆ คือในเวลานั้นตัวเราเอง ยอมให้ “ความสำคัญผิด” มานำหน้า “ความรู้” ด้วยเหตุผลนานับการ เช่น กำกำเริบ เป็นต้น ดังนั้นแม้จริงทำเป็นไม่รู้ และเมื่อปล่อยให้เป็นอย่างนั้นนานเข้าทีเลยกลายเป็นนิสัย และเป็นอัตโนมัติว่า “ไม่รู้” ทั้งๆ ที่ความจริงรู้ทั้งรู้อยู่ลึกๆ ส่วนวิธีการที่จะดึงเอาความรู้หรือสำนึกด้านกล่าวกลับมานำหน้าได้จนมีหลายวิธี ซึ่ง วิธีที่ง่ายที่สุดคือความปฏิกูลของกายเราเอง เช่น การที่เราต้องทำความสะอาดร่างกายก็ เพราะสิ่งปฏิกูลที่ออกมาเรื่อยๆ ทั้งเหลือโคล ควันดำ ต่างๆ ที่ร่างกายขับออกมา หรือเวลาชัก เสื้อผ้าเราก็ข่มเห็นความสกปรกที่ออกมาจากกายเรา หรือการที่เราต้องเช็ดน้ำมูก น้ำตา ต้องเปร่งฟันตอนเช้า นอนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ของน้ำลายที่หลังออกมาและตกค้างอยู่ในปากตลอดคืน เป็นต้น กายเรานั้นใด กายคน อื่นก็ฉันนั้น มองอย่างนี้แล้วเราจะทราบชัดเจนว่ากายของคนอื่นก็เป็นปฏิกูลเหมือนกายของ เราเจ้าค่ะ หรือเราอาจนิภาพเล่นๆ ว่าคนที่เรามองเห็นว่าสวย ว่าหล่อนั้น กำลังแค่ชื่นชม หรือดมกลิ่น น้ำลาย หรือกำลังแปรงฟัน เพียงเท่านั้นความสวยความหล่อก็จะไม่เหลือเลย
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More