ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๒ - ค้นสูตรพระมังมุฒิวา ยกศัพท์แปล ภาค ๑ - หน้าที่ 105
บุคคลผู้ยาชังให้ตายนั้น (ตา) ในกาลนั้น ต่อมา เป็นเรานั้น-เทียว (อโหสิ) ได้เป็นแล้ว (เอตาภิ) ในกาลนี้อิติต ดั่งนี้
ดูวา ตัสแล้วว่า ภิกษุอยู่ในกาลนี้ อติ ดั่งนี้
วตุตา ตราเว้นไว้ (เทวดา) อัณฑิยะว่า
เทวัติ (ธาเตติ) ย่อมทรงไว้ (วตุติ) ซึ่งผ้า (อนุจจวิกา) อัน
ไม่สมควร (อุตตโน) แก่ตน อิติตานอ ในกาลนี้นึกเทียว น ใจ
หามีได้แล เทวดาตโต อภิกษ์ชื่อว่าเทวาทิต ภาเจริเวอ ทรงไว้แล้ว
นึนเทียว วตุติ ซึ่งผ้า อนุจวิโอ อันไม่สมควร อุตตโน แกตน
ปุพเพบิ แม้นากาก่อน อิติต ดั่งนี้ อภาส ได้ทรงภายหลังแล้ว คาถา
ซึ่งพระคาถา ท. อิ่ม เหล่านั้นว่า
โย เถุปโค อ. บุคคลใด อนึ่งกาสาโร ผู้มีกิเลส
เพียงกล่าวว่าฝ่าอันไม่ออกแล้ว อบโต ผูไป
ปราศแล้ว ทมสุขเจน จากมะและสัจจะ โรก-
เหลดสุด จำนงหมน ดั่งนี้ ซึ่งผ้า กาสาว อัน
บุคคลย่อมแล้วยน้ำปาด โอ เถุปโค อ.
บุคคลนั้น ณ อรติ ย่อมไม่ควร (ปริตรตู้)
เพื่อค้นน่งมัม กาสาว ว่า อันอันบุคคลย่อม
แล้วด้วยน้ำปาด จ ส่วนว่า โย ปุคคล อ.
บุคคลใด ในอุตกสาไง พึงเป็นผู้มีกิเลสเพียงดังว่า
น้ำปาดอันคายแล้ว สุสมานโต พึงเป็นผู้ตั้งมั่น
ด้วยดีแล้ว สือลุก ในคาถา อุปโณ พึงเป็นผู้
เข้าถึงแล้ว ทมสุขเจน โดยมะและสัจจะ อิสสล