ข้อความต้นฉบับในหน้า
Boประช
ศาสดาเอกของโลก (๕)
๕๒
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะบรรลุอาสวักขยญาณ ทรง
พิจารณาปฏิจจสมุปบาท ที่ได้ทรงกำาหนดรู้แล้วทั้งอนุโลมและ
ปฏิโลม กลับไปกลับมา เห็นความสุขุมลุ่มลึกของความรู้อัน
บริสุทธิ์ที่พระองค์ได้เข้าถึง เกิดความปีติปราโมทย์ขึ้นมา พร้อม
กับทรงเปล่งอุทานว่า “เมื่อใดธรรมทั้งหลาย ปรากฏแก่พราหมณ์
ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น พราหมณ์ย่อมกำจัดมารและเสนา
มารเสียได้ ดุจพระอาทิตย์อุทัยกำจัดความมืดให้สว่าง ฉะนั้น”
เรามาดูว่า พระองค์ทรงตรัสรู้ด้วยอาการอย่างไร ตรัสรู้
ในอิริยาบถไหน วางใจอย่างไรจึงสามารถทำอาสวกิเลสให้หลุด
ร่อนออกไปจากใจได้ หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านเคย
กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่าอันที่จริงแล้วพระองค์ก็วางใจสบายๆ หยุด
ไปในกลางตัว คือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี่แหละ หยุดนิ่ง
อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องนึกต้องคิดอะไร หยุดนิ่งพอถูกส่วนเข้า
เท่านั้น ดวงใสบังเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายของพระองค์ เป็นดวง
สว่างกลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว ใสบริสุทธิ์เหมือนเพชรลูกที่
เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว บังเกิดขึ้นในกลางกาย
ตอนนั้นมีความรู้สึกว่า ร่างกายของพระองค์ไม่มีแล้ว
ไม่มีตัวตน มีความรู้สึกโล่งๆ ว่างๆ ไม่มีแขน ไม่มีขา ไม่มีตัว
ไม่มีตน เห็นแต่ดวงสว่างใสบริสุทธิ์บังเกิดขึ้นใจหยุดนิ่งอยู่ในกลาง