ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชา
เนมิราชชาดก บำเพ็ญอธิษฐานบารมี (5)
៤៥៨
นับภพนับชาติไม่ถ้วนนี้ ล้วนเกิดจากกลไกของกิเลสกรรม และ
วิบากซึ่งเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากอวิชชาที่บดบังธาตุธรรม เห็น จํา
คิด รู้ ของเราไว้ ทำให้ขึ้นสู่ฝั่งแห่งพระนิพพานไม่ได้ ผู้ที่สามารถ
แสดงเรื่องนี้ได้ดี มีเพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์
และผู้มีรู้มีญาณเท่านั้น เพราะท่านเหล่านั้นระลึกชาติหนหลังได้
มีอนาคตังสญาณ รู้ได้กระทั่งอนาคตว่า กรรมที่เราประกอบเหตุ
ไว้นี้ จะส่งผลอย่างไร
ผลของการกระทําที่แสดงออกทั้งทางกาย วาจา ใจนี้
ไม่อาจพิสูจน์ได้ง่ายๆ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดซับซ้อน เป็น
สิ่งที่พัวพันกันข้ามภพข้ามชาติ เมื่อกล่าวถึงกฎแห่งกรรมแล้ว
ใครทํากรรมใดไว้ย่อมต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้น ไม่มีผู้ใดหลบหนี
ผลแห่งบาปได้ ดังเรื่องของพระเจ้าเนมิราช ผู้ได้รับคำเชื้อเชิญ
จากพระอินทร์และเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ให้ขึ้นไปชมสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์ในขณะที่ยังเป็นมนุษย์เพียงแต่ระหว่างการเดินทางนั้น
พระองค์ได้พบเห็นสัตว์นรกที่กำลังรับทัณฑ์ทุกข์ทรมานมากมาย
จึงไต่ถามมาตลีเทพบุตรว่า สัตว์นรกเหล่านั้นทําบาปกรรมอะไรไว้
จึงต้องมาเสวยวิบากกรรมอันทุกข์ทรมานเช่นนี้
เมื่อพระเจ้าเนมิราชเสด็จขึ้นสู่ทิพยราชรถแล้ว มาตลี
เทพบุตรทูลถามว่า “ทางไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์มี ๒ ทาง คือ