ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชา
เนมิราชชาดก บำเพ็ญอธิษฐานบารมี (5)
๔๖๒
ยังมีความเมตตาอยู่บ้าง
หรือแม้จะลงโทษก็ไม่ได้รับความ
ลำาบากขนาดนี้ ยังมีโอกาสพักการลงโทษบ้าง แต่สัตว์นรกต้อง
ถูกทรมานตลอดเวลา ไม่มีการหยุดพักการลงโทษ จึงตรัสถาม
มาตลืเทพสารถีว่า “สัตว์เหล่านี้ได้ทําบาปกรรมใดไว้ จึงตกใน
แม่นํ้าเวตรณีเช่นนี้”
มาตลีเทพสารถีทูลตอบว่า “สัตว์เหล่านี้ สมัยที่ยังเป็น
มนุษย์ในโลก มีเรี่ยวแรงมีพละกำลังมาก แต่นำไปใช้เบียดเบียน
ผู้อื่น เที่ยวทรมาน ด่ากระทบและรังแกสัตว์ที่มีกำลังน้อยกว่า
ตายไปจึงต้องตกในเวตรณีนรกนี่แหละ” ครั้นทูลตอบปัญหาแล้ว
ก็ทําให้บริเวณนั้นอันตรธานไป และขับรถต่อไปเพื่อแสดงสัตว์
นรกขุมอื่น ซึ่งกำลังถูกลงโทษเพราะผลแห่งกรรมที่ทำไว้ในอดีต
ครั้งที่เป็นมนุษย์
การไปเที่ยวนรกโดยอาศัยกายมนุษย์หยาบนั้น ไม่ใช่สิ่งที่
ทำได้ง่ายๆ หรือหากจะไปได้ต้องเป็นผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก
เพราะกายเหล่านี้ไม่อาจรองรับความร้อนของไฟในนรกได้ ต้อง
อาศัยกายธรรมที่สว่างไสวกว่าดวงอาทิตย์ยามเที่ยงมาเรียงกัน
เต็มท้องฟ้า อาศัยความสว่างจากธรรมกายจึงจะไปรู้ไปเห็นสัตว์-
นรกขุมลึกๆ ได้ ทนต่อความร้อนในนรกได้ ในพระไตรปิฎกกล่าว
ไว้ว่า มาตลีเทพสารถีอาศัยเทวานุภาพ เนรมิตแดนนรกเหล่านั้น