ข้อความต้นฉบับในหน้า
พุทธพจน์บทนี้ ได้ส่องให้เห็นถึงความสำคัญของการมีบุญไว้อย่างชัดเจนว่า
1) สมบัติทั้งหลายในโลกนี้เป็นของกลาง ผลัดกันใช้ ผลัดกันชม ผลัดกันเป็นเจ้าของ
ผู้มีบุญเท่านั้นที่เป็นผู้ได้ใช้ทรัพย์ แม้ตนเองจะไม่ใช่เป็นผู้ที่หาทรัพย์นั้นไว้ก็ตาม แต่ก็จะมีเหตุ
อันชอบธรรมที่บันดาลให้ตนได้ใช้ทรัพย์ที่เกิดขึ้นด้วยกำลังของบุญที่ตนทำไว้ดีแล้วในอดีตตามมา
ส่งผล
2) ผู้มีบุญไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใด ทรัพย์ทั้งหลายย่อมติดตามไปเกิดในที่นั้นด้วย เพื่อให้
ผู้มีบุญได้ใช้สอย
3) บุคคลมีทรัพย์เกิดขึ้นได้ก็เพราะบุญ ได้ใช้ทรัพย์ก็เพราะบุญ และปราศจากทรัพย์
เพราะไม่มีบุญ เราจึงต้องหมั่นสั่งสมบุญตลอดชีวิต และห้ามขาดแม้แต่วันเดียว
บุญมีประโยชน์อย่างไร ?
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงประโยชน์ของบุญไว้มากมายหลายประการดังปรากฏใน
สิริชาดก ว่า
“ความเป็นผู้มีผิวพรรณงาม ความเป็นผู้มีเสียงไพเราะ ความเป็นผู้มีทรวดทรงงาม
ความเป็นผู้มีรูปสวย ความเป็นอธิบดี ความเป็นผู้มีบริวาร ผลทั้งหมดนี้ อันเทวดาและมนุษย์
ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้
ความเป็นเจ้าประเทศราช
ความเป็นผู้มีอิสริยยศ ความสุขของพระเจ้าจักรพรรดิ
อันเป็นที่รัก ความเป็นราชาแห่งเทวดาในเทวโลก ผลทั้งหมดนี้อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วย
ขุมทรัพย์คือบุญนี้
สมบัติอันเป็นของมนุษย์ ความรื่นรมย์ยินดีในเทวโลก นิพพานสมบัติ ผลทั้งหมดนี้ อัน
เทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้”
พุทธพจน์ที่ยกอ้างมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้ชาวพุทธรู้ว่า
ประโยชน์สุขทั้งหมดของทุกชีวิตในวัฏสงสารนี้ เกิดขึ้นเพราะการมีบุญ หากปราศจากบุญแล้ว
ความทุกข์ย่อมเกิดขึ้นแก่ตนตลอดกาล
ทำอย่างไรจึงจะมีบุญ ?
การที่ใครจะได้เป็นผู้มีบุญนั้น มีเงื่อนไขเดียวคือตนเองต้องเป็นผู้สั่งสมบุญด้วยตนเอง
บทที่ 1 ความเข้าใจถูกในการสร้างตัว สร้างฐานะ ตาม พุทธวิธี DOU 17