ข้อความต้นฉบับในหน้า
4. ปุพเพกตปุญญตา การเพียรสร้างวัฒนธรรมชาวพุทธในท้องถิ่นให้เข้มแข็งและยั่งยืน
คือ การประพฤติตนเป็นต้นแบบต้นบุญด้วยการชักชวน สนับสนุน ส่งเสริมผู้คนในท้องถิ่นให้มี
สัมมาทิฏฐิ เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม และหมั่นสั่งสมบุญอยู่เสมอ คือ หมั่นทำทาน รักษาศีล
เจริญภาวนา อยู่เป็นประจำโดยไม่ขาดเลยแม้แต่วันเดียวจนกระทั่งกลายเป็นวิถีชีวิตประจำวัน
ของทุกคนในท้องถิ่น ทั้งนี้เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินใน
ปัจจุบันของคนในท้องถิ่นเอง
หมู่คณะ
1.4.8 ต้องป้องกันต้นเหตุแห่งความวิบัติของการสร้างตนเอง-ฐานะ-
แม้จะเพียรพัฒนาตนเองและฐานะทางเศรษฐกิจจนรุ่งเรืองกลายเป็นเครือข่ายหรือ
หมู่คณะใหญ่ดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจจุดอ่อนของความเจริญรุ่งเรืองด้วย เพราะปัญหาที่เกิดซ้ำแล้ว
ซ้ำอีกของการสร้างความดีแบบเป็นทีมใหญ่ก็คือ “ทิฏฐิมานะ” หรืออาการ “อวดดื้อถือดี” “ดูถูก
ดูหมิ่นผู้อื่น” เป็นต้น เพราะจุดอ่อนของผู้ที่มีความสามารถก็คือต่างคนต่างก็มั่นใจในความรู้
ความสามารถของตนเองสูง จึงมักไม่ยอมฟังใคร ทำให้เกิดปัญหาความแตกความสามัคคี
ตามมาในภายหลัง เข้าทำนอง “พระเอกตกม้าตายตอนจบ”
สิ่งที่คนทั่วไปมักอวดดื้อถือดีหรือดูถูกดูหมิ่นใส่กัน มีอยู่ 6 ประการ คือ ชาติตระกูล
รูปร่างหน้าตา ยศตำแหน่ง ความรู้ความสามารถ ทรัพย์สมบัติ และบริวาร
เมื่อการคบหากันที่ต้องใช้ความจริงใจแลกความจริงใจมานี้ กลับกลายเป็นการดูถูก
ดูหมิ่นกันเสียแล้ว ความแตกแยก การทะเลาะเบาะแว้ง ความผูกโกรธขัดเคืองแค้นใจกันก็ตาม
มาทันที ผลสุดท้ายจึงพากันเสื่อมทั้ง
นเสื่อมทั้งตนเอง เสื่อมมิตร และเสื่อมหมู่คณะ
ดังนั้น เราจึงต้องมองเห็นโทษของความมีทิฏฐิมานะกันให้ชัดเจนก่อน จะได้สร้าง
วัฒนธรรมของหมู่คณะให้มีการป้องกันความเสื่อมไว้ล่วงหน้า เพื่อเป็นการรักษารากฐาน
ความดีของตนเอง ความมั่นคงในฐานะ และความสามัคคีของหมู่คณะไว้ได้เป็นปึกแผ่น
บุคคลที่มีทิฏฐิมานะในระดับถึงขั้นอวดดื้อถือดีและดูถูกดูหมิ่นผู้อื่นนั้น ย่อมต้องพบ
ความเสื่อม 3 ประการ ที่นำไปสู่ความเสื่อมอีกหลายประการในภายหลัง คือ
1. เสื่อมตน คือ เมื่อมีทิฏฐิมานะจนกระทั่งใคร ๆ ก็ไม่อาจเตือนได้ ย่อมตกอยู่ในความ
ประมาท และเป็นเหตุให้พลาดพลั้งประกอบอกุศลกรรมบถ 10 ได้โดยง่าย เป็นเหตุให้ขาด
ความสุขในการดำเนินชีวิต
บทที่ 1 ความเข้าใจถูกในการสร้างตัวสร้างฐานะ ตามพุทธวิธี DOU 25