ข้อความต้นฉบับในหน้า
ขณะที่เขากำลังเตรียมจะบริโภคนั่นเอง พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง เพิ่งออกจาก
นิโรธสมาบัติใหม่ ๆ ได้ตรวจดูว่าใครที่ควรจะไปโปรด ได้เห็นอุปนิสัยของชายตัดฟืนนั้น
จึงเหาะมา แล้วยืนปรากฏอยู่เฉพาะหน้าของเขา ทันทีที่ชายตัดฟืนเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
เกิดความเลื่อมใสและคิดว่า กว่าเราจะได้กินอาหารที่ประณีตสักมื้อหนึ่ง ต้องทำงานให้เศรษฐี
ถึง 3 ปี แสดงว่าในอดีตชาตินั้น เราคงทำบุญมาน้อย ทำทานมาน้อย ชาตินี้จึงลำบากยากจน
ถ้าเรากินอาหารนี้หมดภายในวันเดียว เราก็อิ่มเพียงวันเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเราถวายอาหารนี้แด่
พระปัจเจกพุทธเจ้า ผลบุญที่เกิดจากการถวายของเรา จะส่งผลไปหลายภพหลายชาติ
เมื่อคิดได้ดังนี้ชายตัดฟืนยิ่งมีความเลื่อมใสศรัทธามากขึ้นจึงน้อมถามถาดอาหาร
เข้าไปถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า พอถวายได้กึ่งหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ปิดบาตร แสดงให้
ทราบว่าพอแล้ว แต่เขาขอร้องขึ้นอีกว่า
“อาหารมื้อนี้เพียงพอสำหรับคนๆ เดียวเท่านั้น ขอได้โปรดรับเถิด อย่าสงเคราะห์
ข้าพเจ้าเพียงแค่ชาตินี้เลย ให้ช่วยสงเคราะห์ถึงชาติหน้าด้วยเถิด”
พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงเปิดบาตรแล้วรับจนหมด ชายตัดฟืนครั้นถวายอาหารเสร็จแล้ว
ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า
“อาหารนี้ข้าพเจ้าต้องทำงานถึง 3 ปี จึงจะได้มา ด้วยอานุภาพผลแห่งทานนี้ ขอความ
สุขจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าในที่ที่เกิดแล้วทุกภพทุกชาติ และขอให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนแห่งธรรมที่
ท่านเข้าถึงแล้วด้วยเถิด”
ชายตัดฟืน แม้ตนเองเป็นคนรับใช้ที่ยากจนด้วยทรัพย์แต่เมื่อถึงเวลาถวายทาน สามารถ
ยกใจเอาชนะความตระหนี่ได้เรียกว่าได้ถวายสามีทานที่ประณีตกว่าที่ตนเองบริโภค พระปัจเจก
พุทธเจ้าครั้นรับอาหารแล้ว จึงให้พรว่า
“ขอสิ่งที่ท่านตั้งใจดีแล้ว ปรารถนาดีแล้ว จงสำเร็จอย่างบริบูรณ์ เหมือนพระจันทร์เต็ม
ดวงในคืนวันเพ็ญฉะนั้น”
ในขณะที่ชายตัดฟืนถวายอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้โดยยาก มหาชนที่มาดูการบริโภค
ของเขา ต่างก็ปีติยินดีในกิจที่ทำได้ยากนั้นจึงส่งเสียงสาธุการดังสนั่น จนได้ยินไปถึงเศรษฐี เศรษฐี
คิดว่าชายตัดฟืนนั้นเป็นคนบ้านนอก คงกินอาหารไม่เป็น ทำให้คนทั้งหลายหัวเราะเยาะเอา จึง
ส่งคนใช้ที่สนิทออกกไปสืบดู
เมื่อคนใช้ออกไปดูทราบเหตุการณ์ทุกอย่างแล้ว จึงกลับมาบอกเรื่องนี้แก่เศรษฐี ครั้น
บ ท ที่ 6 อานิสงส์ ข อ ง ก า ร ส ร้ า ง ตั ว ส ร้ า ง ฐ า น ะ ต า ม พุ ท ธ วิธี DOU 209