ข้อความต้นฉบับในหน้า
เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันและได้รับการอุปสมบทจากพระสัมมา
สัมพุทธเจ้า
ฝ่ายพระมเหสีพร้อมด้วยภรรยาของเหล่าอำมาตย์เมื่อได้ทราบข่าวการบังเกิดขึ้นของ
พระรัตนตรัยจากพ่อค้าแล้วทรงปีติยินดี ได้พระราชทานทรัพย์ถึง 9 แสน เป็นรางวัลให้แก่
พ่อค้าแล้วตรัสว่า “บัดนี้ พระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นแล้ว พระราชาทิ้งสมบัติให้เรา ทำให้เราเป็นทุกข์
สมบัตินี้อุปมาเหมือนพระเขฬะ หรือน้ำลายที่พระองค์ทรงบ้วนทิ้งแล้ว เราไม่อาจจะรับไว้ได้ เรา
จะออกบวชเช่นกัน” บรรดาภรรยาอำมาตย์ก็ขอออกบวชตามด้วย แล้วทั้งหมดก็ออกเดินทาง
ไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณทัสสนะถึงการเสด็จมาของพระมเหสี และ
ภรรยาอำมาตย์ เพื่อให้ใจของทุกคนคลายจากความตื่นเต้น แล้วมีใจสงบพร้อมที่จะรองรับ
ธรรมะอันบริสุทธิ์ได้ จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์ด้วยพุทธานุภาพไม่ให้พระมเหสีและคณะ มองเห็น
พระราชาและเหล่าอำมาตย์เมื่อพระมเหสีพร้อมคณะเสด็จมาถึง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
ธรรมให้ฟัง ทำให้พระมเหสีและคณะมีใจสงบหยุดนิ่งเข้าถึงพระรัตนตรัย บรรลุธรรมเป็นพระ
โสดาบัน ในขณะเดียวกันพระมหากัปปินะและอำมาตย์หนึ่งพัน ได้ฟังพระธรรมเทศนาซ้ำอีก
รอบหนึ่ง จึงได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่นั้นเอง
พระมหากัปปินะเมื่อเข้าถึงกายธรรมอรหัตแล้ว ไม่ว่าพระองค์จะประทับนั่ง นอน ยืน
หรือจะพำนักใต้โคนไม้บนกองฟาง หรือที่ใดก็ตาม พระองค์มักจะเปล่งพระอุทานว่า “สุขจริงหนอ
สุขจริงหนอ” อยู่เสมอ ๆ พระภิกษุทั้งหลายที่ยังเป็นพระปุถุชน หรือเป็นสมมุติสงฆ์อยู่ ยัง
ไม่รู้จักความสุขอันประณีตที่เกิดจากการเข้าถึงธรรม ต่างก็คิดว่า พระองค์ยังทรงรำพึงถึง
ความสุขเมื่อครั้งยังเป็นพระราชาอยู่
พระบรมศาสดาทรงทราบเรื่องนั้น จึงตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุตรของเราไม่ได้
เปล่งอุทานถึงความสุขในครั้งที่เคยเสวยราชสมบัติ แต่ว่ามีความสุขจากการได้เข้าถึงธรรมที่
บังเกิดขึ้น บัดนี้เธอได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว” ครั้นตรัสรับรองดังนี้แล้ว จึงตรัสต่อไปว่า
“บุคคลผู้เอิบอิ่มในธรรม มีใจผ่องใส ย่อมนอนเป็นสุข บัณฑิตย่อมยินดีในธรรมที่
พระอริยเจ้าประกาศแล้วทุกเมื่อ
บ ท ที่ 6 อ า นิ ส ง ส ข อ ง ก า ร ส ร้ า ง ตั ว ส ร้ า ง ฐ า น ะ ต า ม พุ ท ธ วิธี DOU 251