ข้อความต้นฉบับในหน้า
9) ต้องรู้ถึงการส่งผลของบุญกับสภาพจิตก่อนตาย
สภาพจิตก่อนตาย คือสิ่งที่ตัดสินว่าเราจะไปสู่สุคติภูมิหรืออบายภูมิ เพราะว่า
เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส ย่อมมีทุคติเป็นที่ไป
เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง ย่อมมีสุคติเป็นที่ไป
เมื่อเราสั่งสมบุญบ่อย ๆ สั่งสมบุญจนติดเป็นนิสัยแล้วผลของบุญก็จะทำให้เรามีจิต
ผ่องใสอยู่ตลอดเวลา แม้กำลังจะละโลกก็องอาจสง่างามและจากไปด้วยจิตใจที่ผ่องใสตลอดเวลา
เป็นหลักประกันว่า เราย่อมไปสู่สุคติในสัมปรายภพอย่างแน่นอน
3.12 ทําอย่างไรจึง “มีศีล”
การเป็นคนมีศีลมีวิธีการดังต่อไปนี้
1) ต้องรู้ความสำคัญของการรักษาศีล
โดยสามัญสำนึก คนเราโดยทั่วไปย่อมมีศีล 5 เป็นศีลประจำใจ โดยปกติ กล่าวได้ว่า ศีล
5 คือคุณสมบัติขั้นต่ำสุดของมนุษย์ หรือ มนุษยธรรม เป็นความดีงามขั้นพื้นฐานที่แสดงความ
เป็นผู้มีใจประเสริฐ ดังนั้น ผู้ใดแม้จะมีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ถ้าขาดศีล 5 ก็ไม่ชื่อว่าเป็นมนุษย์
เพราะขาดความดีหรือคุณสมบัติของมนุษย์นั่นเอง
พระพุทธองค์ตรัสว่า ศีลทำให้ไปสู่สุคติ หมายความว่า เมื่อรักษาศีล 5 ได้เป็นปกติก็
เป็นหลักประกันได้ว่าเมื่อละโลกไปแล้ว ย่อมสามารถกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก หรือ สามารถ
ส่งผลให้เกิดในสวรรค์ได้ด้วย
2) ต้องมีต้นแบบในการรักษาศีล
ต้องรู้จักแสวงหาบุคคลที่มีศีลเป็นปกติมาเป็นต้นแบบในการปฏิบัติ ได้แก่ พระภิกษุ
สามเณรที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพราะท่านเป็นผู้เห็นภัยในเพศฆราวาส จึงได้ออกบวชและรับ
เอาศีลที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้มาปฏิบัติ ถึง 227 ข้อ ส่วนสามเณรมีศีล 10 ข้อ จะเห็นได้ว่า
พระภิกษุสามเณร ท่านมีศีลมากแต่ก็ยังสามารถปฏิบัติได้
หรือคบหากับฆราวาสผู้ประพฤติธรรมเป็นปกติ ผู้ดำเนินชีวิตอย่างไม่ผิดศีลธรรม ไม่ว่า
จะสร้างตัวสร้างฐานะอย่างไรก็ไม่ยอมทำบาปกรรมโดยมองหาส่วนดีที่เขาได้ประพฤติปฏิบัติ
แล้วนำมาเป็นตัวอย่างในการประพฤติปฏิบัติตาม
บทที่ 3 เศรษฐศาสตร์เชิงพุทธ หลักการสร้างฐานะเพื่อความสุข... DOU 93