ข้อความต้นฉบับในหน้า
ดังนั้น ถ้าใครมีขันติแล้วคนนั้นจะมีจิตใจเข้มแข็ง อาจหาญร่าเริงในการทำความดี และสามารถ
ถอนตัวออกจากความชั่วทุกอย่างได้
ขันติ มีอยู่ 4 ลักษณะ คือ
1. อดทนต่อความลำบากตรากตรำ ได้แก่ อดทนต่อธรรมชาติ สภาพดินฟ้าอากาศ ที่
ไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าลมพายุฝนตกหนัก แสงแดดที่แผดกล้า อากาศหนาว ภูมิประเทศจะทุรกันดาร
อย่างไร ทนได้ทั้งนั้น ไม่ทอดทิ้งการงาน กัดฟันทนทำงานของตนให้สำเร็จ
2. อดทนต่อความทุกขเวทนา คือ ทนต่อทุกขเวทนาที่เกิดจากสภาพสังขารร่างกายที่
ไม่เอื้ออำนวย อดทนต่อความเจ็บไข้ได้ป่วย ย่อมรู้จักอดทนอดกลั้น ไม่โวยวายคร่ำครวญเกินเหตุ
บางคนทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ดี แต่พอป่วยไข้ เห็นเข็มฉีดยาก็กลัวตัวสั่นแล้ว บางคนเป็นฝี
ธรรมดาก็ผวา กลัวจะเป็นมะเร็ง แต่บางคนเจ็บป่วยให้แทบตายก็ไม่เคยร้องโอดครวญ
3. อดทนต่อความเจ็บใจ คือ ทนต่อการกระทบกระทั่ง หรือกระทบกระเทียบเปรียบเปรย
การทำให้เจ็บอกเจ็บใจ
บางคนเพียงถูกคนโน้นกระทบที่คนนี้กระแทกที่เขาว่าหน่อยค่อนขอดนิด ก็อึดอัดเจ็บใจ
บางคนทนต่อความเจ็บใจได้บ้างเพราะเขาเป็นผู้บังคับบัญชาของตนถึงจะทนไม่ได้ก็ต้อง
ทน การทนอย่างนี้ได้ถือว่ายังไม่เรียกว่า ขันติ
บางคนทนต่อความเจ็บใจ ต่อคำพูดของคนในระดับเดียวกัน พรรคพวกเพื่อนฝูงในที่
ทำงานเดียวกันได้ถือว่า มีขันติระดับปานกลาง
ส่วนคนที่มีขันติ จริง ๆ นั้น ต้องทนต่อการกระทบกระเทียบ เปรียบเปรย การทำให้
เจ็บอกเจ็บใจ จากคนใต้บังคับบัญชาหรือผู้ต่ำกว่าได้
ในการทำงานนั้น เราต้องมีการติดต่อกับบุคคลหลายประเภท เพราะแต่ละคนมีการ
ฝึกฝนตนเองต่างกันถ้าหากไม่มีขันติแล้วก็ไม่อาจจะทำงานให้ออกมาดีได้อย่างเป็นสุข ทั้งบางครั้ง
ยังอาจทำให้มีเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวเองอีกด้วย
4. อดทนต่ออำนาจกิเลส คือ การอดทนต่อนิสัยที่ไม่ดีของตัวเราเอง
ในที่นี้มุ่งหมายถึง การไม่เอาแต่ใจตัว ไม่ยอมปล่อยตัวตามกระแสโลก ความเพลิดเพลิน
เช่น ความสนุกสนาน การเที่ยวเตร่ ความฟุ้งเฟ้อต่าง ๆ หรือการได้ผลประโยชน์ในทางที่ไม่ควร
เป็นต้น
50 DOU สูตรสำเร็จ การพัฒนาองค์กร และเศรษฐกิจ