ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อทรงเห็นก็ทรงรู้ จิตก็หลุดพ้นจากอำนาจกิเลส เกิดญาณหยั่งรู้ สรรพสิ่งทั้งหลาย
ตามความเป็นจริงบรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมครูของสัตวโลก สมดังที่ตั้งจิต
อธิษฐานไว้ พระองค์ทรงเห็นและรู้ชัดว่า กิจที่แท้จริงในการเกิดมาเป็นมนุษย์ มีเพียงอย่างเดียว
เท่านั้น คือ กำจัดความทุกข์ และความไม่รู้ให้หมดสิ้นไป ซึ่งทรงได้กระทำแล้ว จึงไม่มีกิจอื่นใด
ที่จะต้องทรงกระทำอีกนั่นคือ กิจอื่นทั้งหลายที่ทรงเคยทำมาตลอดภพชาติอันยาวนานนับไม่ถ้วน
ขณะเวียนว่ายในสังสารวัฏนั้น หาใช่กิจที่แท้จริงในการเกิดมาเป็นมนุษย์ไม่
บัดนี้ภพชาติของพระองค์ได้สิ้นสุดแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทรงกระทำไม่มีอีกแล้ว ความ
ทุกข์ของพระองค์จึงหมดไปโดยเด็ดขาด และความไม่รู้ก็หมดไปโดยสิ้นเชิงด้วย
6) อริยมรรคมีองค์ 8 เบื้องสูง
เมื่อเข้าถึง “ธรรม (The Known Factor)” แล้ว อริยมรรคมีองค์ 8 เบื้องต้น ก็ยกระดับ
เป็นเบื้องสูง คือ
1. สัมมาทิฏฐิ ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงเข้าใจถูก จึงพัฒนาเป็น เห็นชอบ ได้แก่ ทั้งรู้ ทั้ง
เห็น อริยสัจ 4 รู้ - เห็น กุศลมูล, อกุศลมูล (รากเหง้าความดี ความชั่ว), ไตรลักษณ์ (สามัญ
ลักษณะ) โดยสมบูรณ์ ถูกต้องตามเป็นจริง
2. สัมมาสังกัปปะ แต่เดิมเป็นเพียง คิดถูก จึงพัฒนาเป็น ดำริชอบ ได้แก่ มีความ
คิดฝังใจ โดยชอบที่จะตรึก คิดในลักษณะปลอดจากกาม ปลอดจากพยาบาท และปลอดจาก
การเบียดเบียนเท่านั้น
3. สัมมาวาจา แต่เดิมเป็นเพียง พูดถูก คือ ระมัดระวังที่จะไม่พูดวจีทุจริต 4 จึง
พัฒนาเป็นเจรจาชอบ คือ หวงแหนคำพูด พูดเฉพาะวจีสุจริต 4 เป็นปกติ เท่านั้น
4. สัมมากัมมันตะ แต่เดิมเป็นเพียง ทำถูก คือ ระมัดระวังที่จะไม่ทำกายทุจริต 3 จึง
พัฒนาเป็น กระทำชอบ คือ การกระทำทางกายทุกอย่าง ตั้งอยู่บนกายสุจริต 3 เป็นปกติเท่านั้น
5. สัมมาอาชีวะ แต่เดิมเป็นเพียง เลี้ยงชีพถูก คือ ระมัดระวังที่จะไม่ประกอบ
มิจฉาชีพ จึงพัฒนาเป็นเลี้ยงชีพชอบ คือ เว้นมิจฉาชีพโดยเด็ดขาด ประกอบแต่สัมมาชีพเป็น
ปกติเท่านั้น
6. สัมมาวายามะ แต่เดิมเป็นเพียง พยายามถูก คือ พยายามระวังอย่าให้ความชั่ว
เกิดขึ้นใหม่ในตัว ความชั่วใดที่เกิดขึ้นและติดเป็นนิสัยแล้ว ก็เพียรละเสีย ส่วนความดีใดที่ยังไม่
บทที่ 4 จั ก ร ธ ร ร ม ห ลั ก การพัฒนาตนเอง และฐานะทางเศรษฐกิจ... DOU 161