ข้อความต้นฉบับในหน้า
สืบทอดพระพุทธศาสนา หากเป็นฆราวาส ก็ต้องทำมาหากินตั้งตนให้ได้ สร้างหลักฐานให้กับ
วงศ์ตระกูล ใครจะอยู่ในหน้าที่อะไรก็ต้องพยายามหาดีของตนให้ได้ หากหาดีนอกทางเสียแล้ว
ก็จะเสียความจริงต่อความดี
ประการที่ 2 สัจจะต่อหน้าที่
คือ การที่ใครก็ตามที่เกิดมาย่อมมีหน้าที่ติดตัวมาด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น จึงควรมีความ
รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน ใครเป็นสามีก็รับผิดชอบต่อหน้าที่สามี เลี้ยงครอบครัวให้ดี
ไม่ปันใจให้หญิงอื่น จริงใจกับภรรยา ใครเป็นภรรยาก็จริงใจต่อหน้าที่ของภรรยา ดูแลการงาน
ในบ้านให้เรียบร้อย ไม่เที่ยวเตร่ ไม่เล่นการพนันเผาผลาญทรัพย์
เป็นลูกก็ต้องมีความรับผิดชอบว่า เราเป็นลูกมีหน้าที่รักษาวงศ์ตระกูลให้ดี ถ้าพ่อแม่
แก่เฒ่า ก็ต้องเลี้ยงดูท่าน
เป็นทหารก็จริงใจลงไปในหน้าที่ทหาร เป็นตำรวจก็รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตำรวจ
ไม่ว่าใครจะเป็นอะไรก็ทุ่มไปกับหน้าที่ของตัวให้เต็มที่ หากทำเช่นนี้ได้จึงเรียกว่ามีความ
รับผิดชอบต่อหน้าที่
ประการที่ 3 สัจจะต่อการงาน
สัจจะต่อการงาน ก็คือการตั้งสัจจะลงไปในงาน หมายถึงการทำงานนั้นต้องทำจริง
ไม่ทำเหยาะๆ แหยะๆ หรือทำเล่นๆ
ดังนั้นเมื่อมีหน้าที่แล้วก็ย่อมมีงานตามมาสามีก็มีงานของสามี คืองานหาเลี้ยงครอบครัว
เป็นภรรยาก็มีงานของภรรยา เป็นลูกก็มีงานของลูก เป็นพระก็มีงานของพระ จะเป็นอะไรก็มี
หน้าที่และมีงานตามมา ยิ่งอายุมาก หน้าที่ก็ยิ่งมากเป็นเงาตามตัว เมื่อหน้าที่มาก งานก็มาก
ด้วยเช่นกัน
คนที่ไม่จริงต่อการงาน มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ
1. พวก “ทุจจริต” คือ พวกที่ทำงานเสีย
2. พวก “สิถิล” คือ พวกที่ทำงานเหลาะแหละ
3. พวก “อากุล” คือ พวกที่ทำงานคั่งค้าง
หากทำอย่างนี้จะเสียสัจจะต่อการงาน วิธีแก้ก็คือ ทำให้ดี ทำให้เคร่งครัด ทำให้เสร็จสิ้น
44 DOU สูตรสำเร็จ การพัฒนาองค์กร และเศรษฐกิจ