ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระพุทธองค์ทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า “แม้เลือดเนื้อต้องแห้งเหือดหายไป เหลือแต่
หนังเอ็นหุ้มกระดูกก็ตามที หากไม่บรรลุธรรมอันเป็นเครื่องดับทุกข์ทั้งปวงแล้ว ก็จะไม่ขอลุกขึ้น
จากที่นี้”
นั่นคือพระองค์ทรงเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นอย่างไม่ห่วงอาลัยใน
ชีวิตของพระองค์เองแม้แต่น้อยเลย แล้วในที่สุดพระองค์ก็ทรงสามารถปราบกิเลสให้หมดสิ้น และ
ตรัสรู้ธรรมเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สำเร็จด้วยพระองค์เอง
เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว ก็ไม่ได้ทรงหวงแหนความรู้ในการกำจัดกิเลสแม้แต่น้อย พระองค์
ทรงมีมหากรุณาต่อชาวโลก ใครที่พอมีแววว่าจะสามารถกำจัดกิเลสตามพระองค์ไปได้ แม้อยู่
ไกลแสนไกลแค่ไหน พระองค์ก็เสด็จไปสั่งสอนวิธีการขจัดกิเลสให้แก่เขา พระองค์ทรงทุ่มเท
ชีวิตตลอดวันตลอดคืนเพื่อช่วยเหลือชาวโลกให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริง ในสมัยพุทธกาล มีชาวโลกที่
สามารถกำจัดกิเลสได้หมดสิ้น บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ติดตามพระองค์เข้าพระนิพพานไป
จำนวนมาก อาทิเช่น พระปัญจวัคคีย์ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ เป็นต้น
การที่พระองค์ทรงกำจัดกิเลสได้เด็ดขาดแล้วนี้เอง จึงไม่มีศาสดาใดเป็นผู้มีความ
เชี่ยวชาญในเรื่องการกำจัดกิเลสเท่ากับพระองค์อีกแล้ว และนี่คือสาเหตุที่ทำให้พระองค์ทรง
เป็นศาสดาเอกของโลก เพราะไม่มีศาสดาใดที่สามารถมองเห็นกิเลส และบอกวิธีกำจัดกิเลส
ได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนกับพระองค์นั่นเอง
กิเลส มี 3 ตระกูลใหญ่ คือ
กิเลสตระกูลที่ 1 เรียกว่า โลภะ
กิเลสตระกูลที่ 2 เรียกว่า โทสะ
กิเลสตระกูลที่ 3 เรียกว่า โมหะ
โลภะ คือ กิเลสที่กำเริบขึ้นแล้ว ทำให้ใจคิดอยากได้ของคนอื่นในทางที่ผิด เช่น ลักขโมย
หลอกลวง ฉ้อโกง เป็นต้น
โทสะ คือ กิเลสที่กำเริบขึ้นมาแล้ว ทำให้ใจคิดทำลายให้เสียหายยับเยิน เช่น ไม่ชอบ
ใครขึ้นมา ก็ต่อยตีเขาให้ยับเยิน ลงมือเผาทำลายทรัพย์สิ่งของมีค่าของเขา เป็นต้น
โมหะ คือ กิเลสที่กำเริบขึ้นมาแล้ว ทำให้ใจลุ่มหลงในสิ่งผิดว่าเป็นถูก คิดทำอะไรก็คิด
อย่างโง่ ๆ ไม่มีความรอบคอบ เช่น คิดอิจฉาตาร้อนเขาบ้าง คิดลุ่มหลงว่าตัวเป็นผู้วิเศษกว่า
คนอื่นบ้าง ทั้ง ๆ ที่ยังไงวันหนึ่งก็ต้องตายเหมือนกันหมด เป็นต้น
126 DOU สูตรสำเร็จ การพัฒนาองค์กร และเศรษฐกิจ