การวิเคราะห์สมาฆารและอสมาฆารในพุทธศาสตร์ ประมวลปัญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ์ (สำหรับเปรียญธรรมตรี) หน้า 73
หน้าที่ 73 / 197

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้เจาะลึกถึงความแตกต่างระหว่างสมาฆารและอสมาฆารในพุทธศาสตร์ รวมถึงกฎเกณฑ์ การรวมมนต์ และลักษณะของแต่ละประเภท นอกจากนี้ยังเปิดประเด็นเกี่ยวกับทิศสมาฆาและกัมมธรรสมาฆา พร้อมตัวอย่างการใช้ศัพท์ ที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจลักษณะและบทบาทของสมาฆารในบริบทของพุทธศาสนา. สรุปได้ว่า สมาฆารและอสมาฆารมีลักษณะที่แตกต่างกันที่สำคัญ ซึ่งจำเป็นต่อการศึกษาพุทธธรรม.

หัวข้อประเด็น

- สมาฆาร
- อสมาฆาร
- กฎเกณฑ์พุทธศาสตร์
- ความแตกต่างระหว่างสมาฆารและอสมาฆาร
- การวิเคราะห์ทางภาษา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - ประมาณปัญหาและฉลามบิลไว้กาการณ์ (สำหรับเปรียญธรรมตรี) หน้า 71 ก. กฎเกณฑ์ของสมาฆาร และ อสมาฆารนั้น มีดำรงกันอย่างไร ? ข. สมาฆารที่รวมมนต์ฟพ์ มีเนื้อความเป็นท้วงนะ ทำให้เป็น เอกาวนะ นุปสงสิงค์ ชื่อ สมาราหิทู อาหารรณ์ เช่น นิยะ+โลกา = ดิโลก โลก ค. สมาฆารที่ไม่ทำเช่นนั้น เนื้อความเป็นเอกาวนะ ก็คงเป็นเอกาวนะ เนื้อความเป็นพุทวนะ ก็คงเป็นพุทวนะอยู่ในนั้น ไม่มีจำกัดว่าจะต้องเป็นเอกาวนะนุปสงสิงค์ ชื่อสมาฆารทิทู เช่น เอโก +ชะรี-เอกสโก ชนะด เอโก+ริกอนะ ตรีกุญ กิ่งไม้ 3 ต้น ทั้งหลายเป็นต้น.[อ.น.] ง. ทิศสมาฆา ต่างจาก กัมมธรรสมาฆา อย่างไรบ้าง ? ฌ. ทิฎฏู มีกหน้าหนึ่งเป็นสังกวา และมีจำครูฟศัพท์ คือ สมาราหร ต้องเป็นรูปเอกาวนะ นุปสงสิงค์ เช่น ดิโลก, สมาฆาร ต้องเป็นรูปตามความน้อยหรือมาก เช่น เอกภูโล, ปฐอพาลนี เป็นต้น และเป็นสมานามล้วน ส่วนคัมมธรรสมาฆา ไม่มีดิสังกวัญที่เป็นคุณนามนำหน้า ไม่มีข้อบังคับให้เป็นรูปเอกาวนะ นุปสงสิงค์ และเป็นได้ทั้งนามทั้งคุณ ต่างกันดังนี้ [อ.น.] ฏ. ทิฏฎสา ที่ว่ามีศัพท์ส่งขยายเป็นบทหน้ากรนั้น มีข้อคำสังยา อย่างไรบ้าง หรือไม่? ปญฺจสิโส อถูปริกฺขา เป็นทิฏฏสมาฆา ได้หรือไม่ ? เพราะเหตุไร ? ฌ. มีข้อคำสังขยาย คือ ปกติสังขยาย คุณนาม ตั้งแต่ เอกถึง อถูฐานวติ. ถ้าพัทธมีส่งขยายานามและปุงลิงขยายหน้ามิ้องค์เป็น กิรุตสมาฆา ปอปสิโส ก็จี อถูปริกฺขา ก็เป็น ทิฏฎสมาฆาไม่ได้
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More