ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชll
อนาถบิณฑิกเศรษฐี (เฮือกสุดท้ายของชีวิต)
๓๗๖
คฤหบดีเกิดความปลื้มปีติถึงกับน้ำตาเย็นหลั่งออกมา พระ
อานนท์จึงถามว่า “ดูก่อนคฤหบดี ท่านยังอาลัยในสังขาร
ร่างกายนี้อยู่หรือ” ท่านเศรษฐีบอกว่า “ข้าแต่พระอานนท์ผู้เจริญ
กระผมมิได้อาลัยในสังขารนี้เลย แต่ว่ากระผมได้นั่งใกล้
พระบรมศาสดา และหมู่ภิกษุสงฆ์มานาน ไม่เคยได้สดับธรรมีกถา
ที่ละเอียดลึกซึ้งถึงปานนี้เลย พระเถระช่างมีความกรุณา มีความ
เมตตามาให้ธรรมกระผมก่อนจะหลับตาลาโลก ช่างเป็นบุญ
ลาภของกระผมจริงหนอ”
พระสารีบุตรและพระอานนท์ เมื่อกล่าวสอนธรรมเสร็จ
แล้ว ก็ถือโอกาสเจริญพรลากลับวัดพระเชตวัน เมื่อพระเถระ
ทั้งสองรูปคล้อยหลังไปได้ไม่นาน ท่านเศรษฐีก็ได้ทำกาลกิริยา
ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นเทพบุตรที่มีรัตนวิมานสว่างไสว
แวดล้อมด้วยเทพบริวารมากมาย
เราจะเห็นว่า ชีวิตของยอดนักสร้างบารมีอย่างท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นตัวอย่างที่พวกเราควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ท่านได้สั่งสมบุญบนโลกนี้คุ้มเกินคุ้ม ชื่อเสียงเกียรติคุณของ
ท่านจึงได้ถูกจารึกไว้เป็นตำนานเล่าขานมานานกว่า ๒,๕๐๐ ปี
ว่าเป็นยอดพุทธอุปัฏฐากฝ่ายอุบาสก เมื่อถึงคราวหลับตาลาโลก
แม้สังขารร่างกายจะถูกโรครุมเร้าต้องได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส