ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประช
เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๓)
๔๐๗
หลายปี ภรรยาได้หุงข้าวมื้อสุดท้าย เพื่อยืดชีวิตของคนใน
ครอบครัวออกไป และในขณะที่กำลังจะรับประทานอาหารเช้านั้น
พระปัจเจกพุทธเจ้าได้เสด็จมาบิณฑบาตอยู่หน้าบ้าน หลังจาก
ที่ท่านได้เข้าสมาบัติอยู่ ๗ วัน ซึ่งตามธรรมดาของพระปัจเจก
พุทธเจ้าที่เข้านิโรธสมาบัตินานถึง ๗ วัน โดยไม่ได้ฉันภัตตาหาร
เลยนั้น เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติก็จะมีความหิวกระหายมาก
เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป แต่ท่านสามารถยับยั้งไว้ได้ด้วยอ่านาจ
ของมหาสมาบัติ แต่ถ้าไม่ได้ฉันในวันที่ ๗ ก็ต้องดับขันธ์เข้าสู่
นิพพาน เพราะขันธ์ ๕ ไม่สามารถทนอยู่ได้อีกต่อไป
ท่านเศรษฐีพอเห็นพระมาโปรดที่บ้าน เกิดมีจิตเลื่อมใส
ท่านสอนตัวเองว่า “ที่เราต้องประสบฉาตกภัยเห็นปานนี้ เพราะ
เราไม่ได้ให้ทานในกาลก่อน อาหารมื้อนี้รักษาเราไว้ได้เพียง
วันเดียวเท่านั้น ส่วนภัตที่เราถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า จะนํา
ประโยชน์เกื้อกูลมาให้แก่เราหลายโกฏิกัป เราอย่าได้เห็นแก่
ประโยชน์ตนเฉพาะแต่เพียงในชาตินี้เลย ด้วยจิตเลื่อมใสที่เรา
จะได้ถวายอาหารมื้อสุดท้ายแก่พระคุณเจ้านี้ ขอให้ภพชาตินี้
เป็นชาติสุดท้ายที่เราต้องอดอยากเถิด”
เมื่อตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว จึงน้อมนำถาดภัตนั้น
ออกมา เดินเข้าไปหาพระปัจเจกพุทธเจ้า กราบด้วยเบญจางค-