การศึกษาประวัติศาสตร์ในแง่ของพุทธศาสนา GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 19
หน้าที่ 19 / 249

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอเกี่ยวกับการศึกษาประวัติศาสตร์ในบริบทของพุทธศาสนา โดยนำเสนอว่าการศึกษานั้นมีทั้งในฐานะนักประวัติศาสตร์ซึ่งต้องตั้งสมมติฐานและวิเคราะห์ข้อมูล และในฐานะบุคคลทั่วไปที่ศึกษาเพียงผลงานจากนักประวัติศาสตร์ การมีความสนใจในประวัติศาสตร์จะส่งเสริมให้การศึกษาเกิดประโยชน์สูงสุด นักเรียนควรมีความใฝ่รู้ เช่นเดียวกับสามเณรราหุล ที่ปรารถนาศึกษาความรู้ในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง.

หัวข้อประเด็น

-การศึกษาประวัติศาสตร์
-บทบาทของนักประวัติศาสตร์
-ความสำคัญของความสนใจในการเรียนรู้
-แนวทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

แต่เป็นของเก่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตเคยตรัสสอนไว้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ศึกษา ค้นคว้าหลักธรรมนั้นด้วยการเจริญสมาธิภาวนาจนตรัสรู้แล้วได้นำมาตรัสสอนพุทธบริษัทต่อไป พระองค์จะมาตรัสรู้หรือไม่ก็ตามแต่หลักธรรมดั้งเดิมนั้นก็ยังคงอยู่เหมือนดังที่พระองค์ตรัสไว้ใน ปัจจัยสูตรว่า “พระตถาคตทั้งหลายเสด็จอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่เสด็จอุบัติขึ้นก็ตาม ธาตุอันนั้น คือ ธัมมฐิติ ธัมมนิยาม อิทัปปัจจัย ก็ยังดำรงอยู่ พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ย่อมตรัสรู้ทั่วถึงซึ่ง ธาตุอันนั้น ครั้นแล้ว ย่อมตรัสบอก ทรงแสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้น และตรัสว่าท่านทั้งหลายจงดู....” 1.3 จะศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยวิธีการอย่างไร เมื่อทราบความสำคัญของประวัติศาสตร์แล้ว เราจะศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยวิธีการ อย่างไรจึงจะถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุด การศึกษาประวัติศาสตร์แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ศึกษาในฐานะเป็นนักประวัติศาสตร์ และศึกษาในฐานะบุคคลทั่วไป การศึกษาประวัติศาสตร์ ในฐานะเป็นนักประวัติศาสตร์นั้นค่อนข้างจะมีความซับซ้อน เพราะจะต้องมีการตั้งสมมติฐาน รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล จากนั้นจึงเรียบเรียงเป็นตำราประวัติศาสตร์ขึ้น ส่วนการศึกษา ประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นบุคคลทั่วไป จะเป็นการศึกษาผลงานที่นักประวัติศาสตร์เรียบเรียง ขึ้นจากขั้นตอนดังกล่าวแล้วข้างต้น การศึกษาประวัติศาสตร์ในลักษณะนี้ใ ะนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างน้อยจะต้องมีองค์ประกอบดังนี้ 1.3.1 ศึกษาด้วยความสนใจใคร่รู้ในประวัติศาสตร์ นักศึกษาจำนวนมากมักจะเบื่อวิชาประวัติศาสตร์ เพราะไม่เล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ ของเรื่องราวในอดีต จึงมักศึกษาไปเพื่อให้พอสอบผ่าน ไม่ได้ศึกษาด้วยความสนใจใคร่รู้ใน ประวัติศาสตร์จริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร เมื่อเรียนจบแล้วจึงแทบจะไม่ได้ บทเรียนอะไรจากประวัติศาสตร์เลย นักศึกษาควรจะมีความใฝ่รู้เหมือนดังเช่นสามเณรราหุลที่ ปรารถนาจะศึกษาความรู้ในแต่ละวันให้มากที่สุด ให้เท่ากับปริมาณเม็ดทรายในมือที่กำขึ้นใน แต่ละวัน 1 สังยุตตนิกาย นิทานวรรค, เล่ม 16 ข้อ 61 หน้า 22 10 DOU ประวัติศาสตร์ พระพุทธ ศาสนา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More