ข้อความต้นฉบับในหน้า
เรียกว่ายัชโญปวีต เท่ากับเป็นการประกาศและปฏิญาณตนว่าเป็นพรหมจารีที่จะต้องเชื่อฟัง
ครูบาอาจารย์ ต้องมีความประพฤติเรียบร้อย ต้องเคารพต่ออาจารย์ทุกโอกาส และต้องเรียน
อยู่ในสำนักของอาจารย์อย่างน้อย 12 ปี จึงสำเร็จการศึกษา
2) คฤหัสถ์ (Grihastha : Householder) แปลว่า ผู้ครองเรือน เป็นวัยที่แสวงหาความ
สุขทางโลกตามฆราวาสวิสัย ต้องแต่งงานและมีบุตรอย่างน้อย 1 คน เพื่อใช้หนี้บรรพบุรุษและ
เป็นการป้องกันมิให้บิดามารดาตกนรกขุม “ปุตตะ” จะต้องประกอบอาชีพให้มีฐานะมั่นคงใน
ทางฆราวาส ปฏิบัติตามกฎของผู้ครองเรือน ตลอดจนเอาใจใส่ในการประกอบยัญพิธี
3) วนปรัสถ์ (Vanaprastha : Hermit) แปลว่า ผู้อยู่ป่า หลังจากสร้างฐานะในเพศ
คฤหัสถ์ได้แล้ว มีบุตรธิดาสืบสกุลแล้ว ก็ยกทรัพย์สมบัติให้บุตรธิดา แล้วออกไปอยู่ในป่าเพื่อ
แสวงหาความสุขสงบจากวิเวก บำเพ็ญเพียรทางใจและข้อปฏิบัติอื่นๆ ทางศาสนาอย่างเคร่งครัด
ยังมีภรรยาเหมือนกับบุคคลทั่วไป แต่มุ่งบำเพ็ญความดีเพื่อสัมปรายภพให้มากยิ่งขึ้น
4) สันยาสี (Sannyasa : Ascetic) แปลว่า ผู้แสวงหาธรรม พิธีบวชเป็นสันยาสี คุรุ
(ครู) จะทำพิธีสวดมนต์บูชาพระเจ้า แล้วสอนให้ผู้บวชว่าตาม เสร็จแล้วคุรุจะอบรมให้ผู้ถือบวช
ทราบทางปฏิบัติ การถือบวชเป็นสันยาสีนับเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตของผู้ที่หวังประโยชน์สูงสุด
ฉะนั้นจึงต้องสละโลกและบุตรภรรยา ความวุ่นวายออกบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าตลอดชีวิต เพื่อ
จุดหมายปลายทางของชีวิตคือโมกษะ
อาศรม 4 จึงเป็นลำดับขั้นแห่งวิถีชีวิต (Stages of Life) เป็นแนวทางปฏิบัติของผู้
บำเพ็ญตนไปสู่ธรรมขั้นสูงสุดในศาสนาพราหมณ์คือโมกษะ ซึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิตสังคมของ
ประชาชนและเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การพัฒนาทางศีลธรรมขั้นสูงต่อไป แต่บุคคลที่จะปฏิบัติ
ตามอาศรม 4 ได้ จะต้องอยู่ในวรรณะพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์เท่านั้น
ระบบอาศรม 4 ที่พัฒนาขึ้นยุคพราหมณะนี้ นับว่ายังไม่เข้มงวดหรือเคร่งครัดเท่าใดนัก
เพราะยุคพราหมณะยังคงเน้นในเรื่องการบูชายัญ มีบุตร และบำเพ็ญทานของพราหมณ์ผู้
นับถือพระเวท ดังนั้นช่วงคฤหัสถ์จึงเป็นช่วงชีวิตที่พราหมณ์ยกย่องและให้ความสำคัญ ทั้งนี้
เพราะพราหมณ์ส่วนใหญ่เป็นคฤหบดีพราหมณ์ ซึ่งยังคงมีบุตรภรรยาและสามารถประกอบ
ดนัย ไชยโยธา, ประวัติศาสตร์เอเชียใต้ยุคโบราณ, 2527 หน้า 102-109.
34 DOU ประวัติศาสตร์ พระพุทธ ศาสนา