ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปฏิบัติของฝ่ายเถรวาทมากที่สุด โดยเฉพาะข้อความในคัมภีร์ฝ่ายเถรวาทที่ว่า “โลกอันจิต
นำไป อันจิตย่อมเสือกไสไป โลกทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจของธรรมอย่างเดียว คือจิต”
4.3 พระพุทธศาสนาในยุคเสื่อมจากอินเดีย
4.3.1 การเผยแพร่ของลัทธิพุทธตันตรยาน
นิกายพุทธตันตระ (Tantric Buddhism) เชื่อว่าแนวทางของตนถือกำเนิดมาตั้งแต่
สมัยพุทธกาลโดยคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า กล่าวกันว่า พระศากยมุนีพุทธได้จัดให้มีการ
ประชุมขึ้นที่เมืองศรีธานยกฏกะ และทรงสั่งสอนเกี่ยวกับทางลี้ลับหรือทางลัด (Esoteric path)
ที่เป็นธรรมละเอียดลึกซึ้งซึ่งไม่ทรงเปิดเผยทั่วไปแก่สาธารณชน แต่จะทรงแสดงให้ฟังเฉพาะ
คนที่สติปัญญาเฉลียวฉลาดเท่านั้น ดังนั้นคำสอนนี้จึงเรียกว่ารหัสยาน หรือคุยหยาน ซึ่งแปลว่า
ลึกลับ เช่นเดียวกับที่พระองค์เคยทรงสั่งสอนวิถีทางให้แก่นิกายมหายานมาก่อนที่เขาคิชฌกูฏ
คติความเชื่อดังกล่าวนี้ได้รับการสนับสนุนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวทิเบต และนักปราชญ์ชาว
อินเดียบางท่านก็เห็นคล้อยตามว่า พระพุทธเจ้าได้สอนหลักปฏิบัติแบบตันตระ มนตร์ มุทรา
และธารณี ให้แก่พุทธศาสนิกชนด้วย โดยอ้างว่าผู้ที่ฉลาดอย่างพระพุทธองค์คงจะไม่ทรงละเว้น
ที่จะนำเอาหลักปฏิบัติเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถา มารวมไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อดึงดูดพุทธ
ศาสนิกชนให้ศรัทธาในพระพุทธศาสนามากขึ้น
จากร่องรอยทางประวัติศาสตร์ นักปราชญ์ชาวอินเดียได้สืบอายุของนิกายพุทธ-
ตันตระไปจนถึงสมัยของท่านเมไตรยนาถและอสังคะแห่งสำนักโยคาจาร ซึ่งอยู่ในช่วงพุทธ
ศตวรรษที่ 8 อันเป็นช่วงที่ศาสนาฮินดูกำลังเฟื่องฟูอย่างมาก พระพุทธศาสนาในขณะนั้น
จึงอยู่ในภาวะที่ต้องแข่งขันต่อสู้กับศาสนาฮินดู ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา
คณาจารย์ฝ่ายมหายานจึงตัดสินใจที่จะใช้วิธีประนีประนอมระหว่างกลุ่มชน 2 ฝ่าย คือ กลุ่ม
ชาวพุทธยุคใหม่ และกลุ่มชาวฮินดูที่นับถือพระศิวะ (ไศวนิกาย) เพื่อให้ประชาชนหันกลับมา
นับถือพระพุทธศาสนาดังเดิม
"ตันตระ หมายถึง การเผยแพร่หรือแผ่ออกไป เป็นสิ่งที่รู้กันในเฉพาะกลุ่มที่มีการศึกษา โดยการถ่ายทอดจาก
บุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งอย่างลับ ๆ ในฐานะตันเตคุรุ (ผู้ถ่ายทอดความรู้หรือผู้ชี้แนะ) และตันตริก (ผู้รับการ
ถ่ายทอดความรู้หรือผู้ได้รับการชี้แนะ)
% DOU ประวัติศาสตร์ พระพุทธ ศาสนา