ความแตกแยกและการสังคายนาในพระพุทธศาสนา GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 83
หน้าที่ 83 / 249

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงการตีความพระวินัยและความแตกแยกของสงฆ์ในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งเน้นถึงบทบาทของพระสัพพกามีและภิกษุชาววัชชี รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการสังคายนาในเมืองปาฏลีบุตร โดยมีผู้เข้าร่วมมากถึง 10,000 รูป ทำให้เกิดการแตกออกเป็น 2 ฝ่าย คือ สหกรณ์มหาสังคีติและเถรวาท ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งนิกายใหม่ในระยะต่อมา ปัญหาความแตกแยกนี้มีพื้นฐานมาจากการปฏิบัติสีลสามัญญตาและการตีความพระธรรมวินัย จนในที่สุดทำให้เกิดนิกายย่อยๆ ถึง 18 นิกายในภายหลัง

หัวข้อประเด็น

-ความแตกแยกในพระสงฆ์
-การสังคายนา
-พระวินัย
-พระภิกษุชาววัชชี
-มหาสังคีติ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

หรือถูกก็ได้ ต้องยึดหลักพระวินัยจึงจะเป็นสิ่งสมควร) 7. ภิกษุชาววัชชี: นมส้มที่แปรมาจากนมสดแต่ยังไม่กลายเป็นทธิ (เนยใส) ภิกษุฉัน อาหารเสร็จแล้ว จะฉันนมนั้นทั้งที่ยังไม่ได้ทำวินัยกรรมหรือทำให้เป็นเดนตาม พระวินัยก็ได้ ไม่เป็นอาบัติ (พระสัพพกามีโต้ตอบว่า: นมส้มที่ละความเป็นนมสดไปแล้ว แต่ยังไม่กลายเป็นทธิ ภิกษุฉันภัตตาหารแล้ว ห้ามภัตรแล้ว จะดื่มนมนั้ จะดื่มนมนั้นอันไม่เป็นเดนภิกษุไข้หรือยังไม่ได้ ทำวินัยกรรม ไม่ควร ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะฉันอาหารที่เป็นอนติริตตะ) 8. ภิกษุชาววัชชี: สุราที่ทำใหม่ๆ ยังมีสีแดงเหมือนสีเท้านกพิราบ ยังไม่เป็นสุราเต็มที่ ภิกษุจะฉันก็ได้ ไม่เป็นอาบัติ (พระสัพพกามีโต้ตอบว่า: การดื่มสุราอย่างอ่อนที่มีสีเหมือนสีเท้านกพิราบ ซึ่งยัง ไม่ถึงความเป็นน้ำเมา ไม่ควร เป็นอาบัติปาจิตตีย์ เพราะดื่มสุราและเมรัย) 9. ภิกษุชาววัชชี: ผ้าปูนั่งนิสีทนะอันไม่มีชาย ภิกษุจะบริโภคใช้สอยก็ได้ ไม่เป็นอาบัติ (พระสัพพกามีโต้ตอบว่า: ผ้านิสีทนะที่ไม่มีชาย ภิกษุจะใช้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ซึ่งจะต้องตัดเสียจึงจะแสดงอาบัติตก) 10. ภิกษุชาววัชชี: ภิกษุรับและยินดีในเงินทองที่เขาถวาย ไม่เป็นอาบัติ (พระสัพพกามีโต้ตอบว่า : การรับเงินหรือยินดีซึ่งเงินและทองที่เขาเป็ ไม่สมควรเป็นอาบัตินิสสัคคียปาจิตตีย์) yed ขาเกบไว้เพอตนเอง ฝ่ายพระวัชชีบุตรเมื่อไม่ได้การยอมรับจากสงฆ์จึงเสียใจแล้วพร้อมใจกันไปทำสังคายนา ต่างหากที่เมืองปาฏลีบุตร มีผู้เข้าร่วมถึง 10,000 รูป เรียกตนเองว่ามหาสังคีติหรือมหาสังฆิกะ เพราะเหตุที่มีพวกมาก ในที่สุดสงฆ์จึงได้แตกออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายพระสัพพกามีเถระ และ ภิกษุชาววัชชีที่เรียกตนเองว่ามหาสังคีติ และในกาลต่อมา จึงแตกออกเป็น 18 นิกาย โดย 7 นิกาย ที่แตกจากมหาสังฆิกะ เกิดเมื่อปี พ.ศ.100-200 ส่วน 11 นิกายที่แตกจากเถรวาท เกิดเมื่อปี พ.ศ.200 เป็นต้นมา การสังคายนาในครั้งนี้ หลักฐานฝ่ายเถรวาทระบุว่าเป็นการปรารภเหตุเพื่อระงับ ความแตกแยกทางการปฏิบัติสีลสามัญญตา (ความเสมอกันด้วยศีล) ในกรณีของพระภิกษุชาว วัชชีที่ประพฤตินอกพระธรรมวินัยดังกล่าว แต่ในปกรณ์สันสกฤตของฝ่ายมหายานที่มีชื่อว่า เภทธรรมจักรศาสตร์ กลับชี้ประเด็นไปที่เรื่องความวิบัติแห่งทิฏฐิสามัญญตาแห่งคณะสงฆ์ 74 DOU ประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More