ประวัติความเป็นมาของชาวพยูและพระพุทธศาสนาในพม่า GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 172
หน้าที่ 172 / 249

สรุปเนื้อหา

ชาวพยูเข้ามาอาศัยในพม่าในพุทธศตวรรษที่ 4 โดยมีการสถาปนานครรัฐต่างๆ และแลกเปลี่ยนการค้า ชาวพยูนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทซึ่งเจริญรุ่งเรือง ในขณะที่อาณาจักรพุกามก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 1368 ภายใต้การนำของพระเจ้าอโนรธา เจดีย์ชเวดากองซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของพระพุทธศาสนาได้ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและอำนาจในพม่า ตั้งแต่นั้นมา อาณาจักรพุกามได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาที่รุ่งเรืองในภูมิภาคนี้ ตั้งอยู่ในเมืองย่างกุ้งและเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโลก.

หัวข้อประเด็น

-การอพยพของชาวพยู
-ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในพม่า
-การเจริญของอาณาจักรพุกาม
-เจดีย์ชเวดากองและบทบาทในพระพุทธศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ชาวพยูเข้ามาอาศัยอยู่ในดินแดนประเทศพม่าตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 4 และได้ สถาปนานครรัฐขึ้นหลายแห่ง เช่น ศรีเกษตร (Sri Ksetra) เป็นต้น ในช่วงเวลาดังกล่าว ดินแดน พม่าเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางการค้าระหว่างจีนและอินเดีย จากเอกสารของจีนพบว่า มีเมืองอยู่ ภายใต้อำนาจปกครองของชาวพยู 18 เมือง ชาวพยูนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท เด็กๆ ได้รับการศึกษาที่วัดตั้งแต่อายุ 7 ขวบจนถึง 20 ปี พระพุทธศาสนาเถรวาทเจริญรุ่งเรืองในพม่าในราวพุทธศตวรรษที่ 6 ต่อมามีพระสงฆ์ ฝ่ายมหายานซึ่งเป็นศิษย์ของพระวสุพันธุได้นำลัทธิตันตระไปเผยแผ่ จนพระพุทธศาสนา ทั้งสองนิกายเจริญรุ่งเรืองเป็นเวลาหลายร้อยปี และรุ่งเรืองมากในพุทธศตวรรษที่ 11 ชาวพม่าเป็นชนเผ่าอพยพมาจากทางตอนเหนือทีละน้อย ได้ขยายอำนาจลงมาทางใต้ เข้ารุกรานพวกมอญ มอญจึงต้องถอยไปสร้างเมืองหลวงใหม่ที่หงสาวดี ในปี พ.ศ.1368 พม่า ได้ตั้งอาณาจักรขึ้น มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองพุกาม (Pagan) ในปี พ.ศ. 1392 ซึ่งเป็นช่วงที่ อาณาจักรพยูเสื่อมสลายแล้ว อาณาจักรพุกามแต่แรกนั้นมิได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กระทั่ง ในรัชสมัยของพระเจ้าอโนรธา (พ.ศ. 1587-1620) พระองค์สามารถรวบรวมแผ่นดินพม่าให้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสำเร็จ ในปี พ.ศ.1600 พระเจ้าอโนรธายกทัพตีเมืองสะเทิมของมอญ นำเอาพระไตรปิฎก และประเพณีพระพุทธศาสนามา ทรงทำให้นิกายเถรวาทแพร่หลายด้วยความช่วยเหลือจาก พระภิกษุมอญชื่อ ชินอรหันต์ ทรงสร้างเจดีย์ที่สำคัญหลายแห่งโดยเฉพาะมหาเจดีย์ชเวดากอง โดยสร้างเสริมเจดีย์องค์เดิม ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบต่อมายาวนานว่า พระเจ้าแผ่นดินทุก พระองค์จะต้องทรงทำนุบำรุงพระเจดีย์ ในสมัยพระนางถิ่นซอสู้ทรงพระราชทานทองคำเท่า น้ำหนักพระองค์เองคือ 40 กิโลกรัม เพื่อนำไปตีแผ่หุ้มพระเจดีย์ สมัยพระเจ้าธรรมเซดีก็ทรง บริจาคทองคำหนักเป็นสี่เท่าของน้ำหนักพระองค์เอง ในสมัยพระเจ้ามินดงทรงส่งฉัตรฝังเพชร อันใหม่มาถวายเป็นพุทธบูชา ตั้งแต่นั้นมาจึงเป็นธรรมเนียมมาถึงปัจจุบันที่กษัตริย์ทุก พระองค์จะต้องพระราชทานทองคำเท่าน้ำหนักพระองค์เองไปตีเป็นแผ่นหุ้มองค์พระมหาเจดีย์ เจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) เป็นภาษาพม่า ชเว แปลว่า ทอง ดากอง แปล ว่า เมืองตะเกิง ซึ่งเป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง เจดีย์ชเวดากอง จึงแปลว่า พระเจดีย์ทองเมือง ตะเกิง ซึ่งเป็นมหาเจดีย์ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง 1 คมชัดลึก (2549) ท่องไปในแดนธรรม : ความงดงามแห่งวิถีพุทธที่ชเวดากอง (ออนไลน์) พระพุ ท ธ ศ า ส น า ในเอเชีย DOU 163
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More