ข้อความต้นฉบับในหน้า
ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์ทรงพระราชทานพระราชธิดาพระนามว่า จารุมตี
แก่ขุนนางใหญ่ชาวเนปาล
หลายแห่งในเนปาล ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ที่กรุงกาฐมาณฑุในปัจจุบัน
พระเจ้าอโศกมหาราชและเจ้าหญิงจารุมตีทรงสร้างวัดและเจดีย์
พระพุทธศาสนาในยุคแรกเป็นนิกายเถรวาท ต่อมาเมื่อเสื่อมสูญไป เนปาลกลายเป็น
ศูนย์กลางของมหายานนิกายตันตระ ซึ่งใช้คาถาอาคมและพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ นอกจากนี้
ยังมีพุทธปรัชญาสำนักใหญ่ๆ เกิดขึ้นอีก 4 นิกาย คือ สวาภาวิภะ ไอศวริกะ การมิกะ และยาตริกะ
ซึ่งแต่ละนิกายยังแยกย่อยออกไปอีก นิกายต่าง ๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานเข้าด้วย
กันของความคิดทางปรัชญาหลายๆ อย่าง ชาวเนปาลได้รักษาสืบทอดพุทธปรัชญาเหล่านี้มาจนถึง
ปัจจุบัน ในแต่ละนิกายมีคำสอนดังนี้
1. นิกายสวาภาวิภะ นิกายนี้สอนว่า สิ่งทั้งหลายในโลกมีลักษณะแท้จริงในตัวของมันเอง
ซึ่งแสดงออกเป็น 2 ทาง คือ ความเจริญ (ปรวฤตติ) และความเสื่อม (นิวฤตฺติ)
2. นิกายไอศวริกะ นิกายนี้สอนให้เชื่อในเทพเจ้าผู้สมบูรณ์ที่สุด และมีอำนาจที่สุด
3. นิกายการมิกะ นิกายนี้สอนการอบรมจิตใจ เพราะเป็นวิธีกำจัดอวิชชาให้หมดสิ้นได้
4. นิกายยาตริกะ นิกายนี้สอนให้เชื่อในความมีอยู่ของวุฒิปัญญาและเจตจำนงอิสระ ซึ่ง
เป็นการผสมผสานระหว่างปรัชญาต่าง ๆ ของอินเดียและทิเบต ภายใต้อิทธิพลของศาสนาฮินดู
และพระพุทธศาสนา
ในสมัยที่ชาวมุสลิมเข้ารุกรานแคว้นพิหารและเบงกอลของอินเดีย พระภิกษุจาก
อินเดียต้องหลบหนีภัยเข้าไปอาศัยในเนปาล และได้นำคัมภีร์พระพุทธศาสนาเข้าไปด้วย ซึ่งมี
การเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีจนถึงทุกวันนี้ แต่เมื่อมหาวิทยาลัยนาลันทาในอินเดียถูกทำลาย
ก็ส่งผลให้พระพุทธศาสนาในเนปาลพลอยเสื่อมลงด้วย
ปัจจุบันเนปาลมีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเถรวาทขึ้นใหม่ โดยส่งพระภิกษุสามเณร
ไปศึกษาในประเทศต่างๆ เช่น ศรีลังกา พม่า และไทย เมื่อกลับมาเนปาลแล้วก็ออกเผยแผ่
พระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพระภิกษุที่เดินทางไปศรีลังกาได้อาราธนาท่าน
ธรรโทรยะสุภะ ภิกษุชาวศรีลังกามาฟื้นฟูพระพุทธศาสนาด้วย มีการแปลพระสูตรจากภาษา
บาลีเป็นภาษาท้องถิ่นแล้วจัดพิมพ์ออกเผยแพร่
114 DOU ประวัติ ศ า ส ต ร์ พระ พุ ท ธ ศ า ส น า