การทำมาหาเลี้ยงชีพและวรรณะในสังคมอินเดีย GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 40
หน้าที่ 40 / 249

สรุปเนื้อหา

บทความนี้สำรวจประเด็นการทำมาหาเลี้ยงชีพในสังคมอินเดียที่สัมพันธ์กับระบบวรรณะ ตั้งแต่การเกิดในวรรณะต่าง ๆ จนถึงการส่งผลกระทบต่ออาชีพและความเสมอภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากยุคอุปนิษัทที่ประกอบด้วยการค้นหาความหมายของชีวิต การบูชายัญ และการรวมกลุ่มคัดค้านพราหมณ์ในวรรณะสูง เช่น กษัตริย์ ที่มีความสงสัยในความเชื่อดังกล่าวซึ่งยังมีผลกระทบต่อชุมชนในปัจจุบัน

หัวข้อประเด็น

-วรรณะในอินเดีย
-การทำมาหาเลี้ยงชีพ
-ศาสนาพราหมณ์
-การบูชายัญ
-ยุคอุปนิษัท
-ความเสมอภาคในสังคม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เกี่ยวข้องกับเรื่องของการทำมาหาเลี้ยงชีพหรือเป็นหน่วยเศรษฐกิจของชุมชนมาจากท้อง และ วรรณะศูทรซึ่งเป็นพวกใช้แรงงานมาจากเท้าของพระพรหม การที่มนุษย์ถือกำเนิดมาจากอวัยวะที่ต่างกันดังนี้ จึงไม่มีความเสมอภาคกันตั้งแต่เกิด แต่เพราะนั่นเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้กำหนดไว้แล้ว จึงต้องถือปฏิบัติตามอย่าง เคร่งครัด ดังนั้นผู้ที่เกิดในวรรณะใดก็ต้องดำรงอยู่ในวรรณะนั้นตลอดไป และการประกอบอาชีพก็ ต้องให้เป็นไปตามหน้าที่ของตนๆ จะก้าวก่ายกันไม่ได้ และห้ามมิให้คนต่างชั้นวรรณะกัน ทำการสมรสข้ามวรรณะ ต้องสมรสกับคนภายในวรรณะเดียวกันเท่านั้น หากมีการสมรสข้าม วรรณะกัน บุตรที่เกิดมาก็จะไม่อาจเข้าชั้นวรรณะใดได้อีก และจะถูกเรียกว่าจัณฑาล กลายเป็น บุคคลที่ถูกสังคมเหยียดหยามดูถูก ทั้งนี้ก็เพราะต้องการปกป้องสายเลือดและชนชั้นของเผ่า อารยันเป็นหลัก หากใครฝ่าฝืนนอกจากจะถือว่าเป็นการทรยศต่อวรรณะตนเองแล้ว ยังถือว่า เป็นการขัดบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าย่อมจะถูกพระเจ้าลงโทษ เรียกว่า “เทวทัณฑ์” บ้าง หรือ “พรหมทัณฑ์” บ้าง ผู้ที่เกิดในวรรณะต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกศูทรและจัณฑาล ต้องยอมรับ ปฏิบัติตามคำสั่งของพราหมณ์โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ พวกศูทรจึงเป็นพวกที่ได้รับชะตากรรมมาก ที่สุดและน่าสงสารมากที่สุด แม้ทุกวันนี้ก็ยังมีความเชื่อเช่นนี้หลงเหลืออยู่ในอินเดียอีกมาก 2.2.3 ยุคอุปนิษัท (Upanishad Period) ประมาณ 150-100 ปี ก่อนพุทธศักราช “พรหมัน” ในคัมภีร์อุปนิษัท ศาสนาพราหมณ์ได้วิวัฒนาการจากยุคพราหมณะเข้าสู่ยุคที่ 3 คือยุคอุปนิษัท ซึ่งเป็น ช่วงที่ชาวอินเดียสร้างรากฐานทางสังคมที่มั่นคงแข็งแกร่งแล้ว แต่ในทางศาสนา ผู้คนกลับเริ่ม ฉุกคิดว่า “ลำพังการบูชายัญอย่างที่เคยประพฤติมานั้น ไม่สู้จะได้ผลอะไรเลย ยังไม่เห็นเลยว่า จะสามารถเอาชนะทุกข์ได้อย่างแท้จริง นอกจากจะเป็นการปลอบใจชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น” ดังนั้นต่อมาจึงเกิดมีนักปรัชญาที่พยายามค้นหาเหตุผลในเรื่องความจริงของชีวิตว่า “ชีวิตคืออะไร เราเกิดมาทำไม ตายแล้วจะไปไหน” ความสงสัยและความขัดแย้งดังกล่าวเริ่มรุนแรงมากขึ้น จนถึงขนาดที่ว่ามีการรวม กลุ่มอภิปรายปัญหาต่าง ๆ เพื่อคัดค้านพราหมณ์เลยทีเดียว โดยมีวรรณะกษัตริย์เป็นแกนนำ 3 1 วิสุทธิ์ บุษยกุล, พรหมสี่หน้า, 2549 หน้า 8 * ดวงธิดา ราเมศวร์, 2 อารยธรรมยิ่งใหญ่แห่งอาเซียน อินเดีย-จีน, 2549 หน้า 33 *พระอุดรคณาธิการ (ชวินทร์ สระคำ), ประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในอินเดีย, 2534 หน้า 32-33 สังคม อินเดีย ก่ อ น ยุ ค พุ ท ธ ก า ล DOU 31
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More