ประวัติพระพุทธศาสนาในเกาหลี GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 139
หน้าที่ 139 / 249

สรุปเนื้อหา

พระธรรมทูตซุนเตาได้นำนิกายมหายานจากจีนมาสู่อาณาจักรโกกุเรียวในเกาหลี โดยช่วงเวลานั้นเกาหลีแบ่งเป็น 3 อาณาจักรใหญ่โดยมีการยกพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หลังจากนั้นอาณาจักรชิลลาได้รวมอาณาจักรและสนับสนุนการเผยแพร่พระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ ทั้งมีการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกและการสร้างวัดวาอารามจำนวนมาก การบวชพระในนิกายมหายานยังมีความแตกต่างจากเถรวาท เช่น การทำกิมจิ การทำการเกษตร ซึ่งทำเป็นกลุ่มใหญ่ พระเกาหลีมีการบำเพ็ญทุกรกิริยาต่างๆ ที่สะท้อนถึงแนวทางการดำรงชีวิตตามศาสนา แม้ว่าจะเกิดยุคเสื่อมในช่วงการขึ้นมาของราชวงศ์โซซอน แต่พระพุทธศาสนายังคงมีความสำคัญในวัฒนธรรมเกาหลีและได้รับการยอมรับจากประชาชน จนถึงปัจจุบันจะมีการคงสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง.

หัวข้อประเด็น

-ประวัติพระพุทธศาสนาในเกาหลี
-นิกายมหายาน
-การบวชพระในเกาหลี
-วัฒนธรรมเกาหลีและพระพุทธศาสนา
-พระไตรปิฎกและการเปิดเผยพระพุทธศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระธรรมทูตซุนเตา ท่านนำนิกายมหายานจากจีนมาสู่อาณาจักรโกกุเรียวคือเกาหลีในปัจจุบัน สมัยก่อนเกาหลีประกอบด้วย 3 อาณาจักรคือ โกกุเรียว ปีกเจ และซิลลา ซึ่งปกครอง คาบสมุทรเกาหลีและบางส่วนของแมนจูเรีย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลถึงคริสต์ศตวรรษ ที่ 7 ผู้นำทั้ง 3 อาณาจักรยกพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ต่อมาอาณาจักรชิลลา สามารถรวมแคว้นทั้งสามให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ในปี พ.ศ. 1200 ทำให้ประเทศเป็นปึกแผ่นมั่นคง รัฐบาลให้การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง มีการจัดพิมพ์พระไตรปิฎก 1,600 หน้า ด้วยตัวพิมพ์ไม้แกะ และจารึกพระคัมภีร์เป็นจำนวน 50,000 กว่าเล่ม ยุคนี้พระพุทธศาสนาจึง เจริญรุ่งเรืองมาก อาณาจักรชิลลาปกครองเกาหลีอยู่ได้ 278 ปี ก็พ่ายแพ้แก่อาณาจักรโกกุเรียวในปี พ.ศ. 1478 ราชวงศ์นี้ก็มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะนิมนต์พระ ภิกษุหนึ่งรูปเป็นที่ปรึกษา ยุคนี้มีการสร้างวัดวาอารามจำนวนมาก และมีวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นคือ ครอบครัวเกาหลีที่มีลูกชาย 4 คน ต้องให้บวชเป็นพระ 1 คน เนื่องจากพระเกาหลีบวชในนิกายมหายานเมื่อบวชแล้วก็จะมีกิจกรรมสงฆ์ที่แตกต่าง จากนิกายเถรวาท เช่น ต้องทำนา ทำกิมจิ เก็บผลไม้ เป็นต้น การทำนานั้นจะทำเป็นกลุ่มใหญ่ ในปลายเดือนมิถุนายน โดยขณะดำนาพระภิกษุจะพับขากางเกงถอดเสื้อคลุมออกแล้วเข้าแถว ดำนา มีพระสองรูปถือเชือกยาวเพื่อจัดแถวให้ตรง ส่วนการทำกิมจินั้นคือการทำผักดองจาก กะหล่ำและหัวไชเท้าเพื่อเตรียมไว้ฉันในฤดูหนาว และยังมีการเก็บผลไม้ เช่น เกาลัด ผลต้นสน และลูกพลับสุก สำหรับฉันในฤดูหนาว พระเกาหลีจะนิยมบำเพ็ญทุกรกิริยาคล้ายกับสมัยที่พระสิทธัตถโพธิสัตว์ออกบวชใหม่ๆ เช่น อดอาหาร ฉันอาหารดิบ ไม่เอนหลังนอน ไม่พูด เผานิ้วตัวเอง และมีการปลีกวิเวกไปอยู่ ในหุบเขาโดยไม่ปลงผม หนวด และเครา การห้ามภัตรหรือการอดอาหาร เป็นที่นิยมกันมากในเกาหลี ใช้เวลาประมาณ 3 วัน ถึง 2 อาทิตย์ เพราะเชื่อว่าเป็นการรักษาโรคเรื้อรังได้ทุกชนิด ส่วนการเผานิ้วมือตัวเอง ทำเพื่อ บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางรูปก็ทำเพื่อความมั่นคงในการบวช บ้างก็ทำเพื่อเลี่ยงการ เกณฑ์ทหาร แต่บางรูปทำเพื่อความมีชื่อเสียงต้องการให้ฆราวาสเคารพนับถือยิ่งขึ้น ในปี พ.ศ.1935-2453 พระพุทธศาสนาในเกาหลีเข้าถึงยุคเสื่อม เนื่องจากราชวงศ์ โซซอนขึ้นมามีอำนาจ และเชิดชูลัทธิขงจื้อให้เป็นศาสนาประจำชาติ มีคำสั่งห้ามบวชพระ พระสงฆ์จึงหนีออกไปอยู่อย่างสงบตามชนบทและป่าเขา 130 DOU ประวัติ ศ า ส ต ร์ พระ พุ ท ธ ศ า ส น า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More