ความคิดและปรัชญาของนาคารชุน GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 102
หน้าที่ 102 / 249

สรุปเนื้อหา

นาคารชุนเป็นนักปรัชญาที่มีอิทธิพลสูงในพระพุทธศาสนา นำเสนอแนวคิดศูนยตาเป็นความจริงขั้นสุดท้ายในคัมภีร์มัธยมกการิกา สอนเกี่ยวกับสมมติสัจจะและปรมัตถสัจจะ การตีความว่าความจริงแท้ไม่มีแก่นสารจึงทำให้นักปรัชญาทั่วโลกต้องยอมรับถึงความสามารถของท่าน แม้แต่ในวงการนักปราชญ์ช่วยยกระดับความเข้าใจเรื่องพุทธปรัชญาและยกย่องท่านเป็น “พระพุทธเจ้าองค์ที่สอง” ท่านมีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์พุทธศาสนา

หัวข้อประเด็น

-นาคารชุน
-คัมภีร์มัธยมกการิกา
-นิกายโยคาจาร
-ศูนยตา
-ปรมัตถสัจจะ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ความคิดเพื่อให้เข้าถึงความจริงในปรัชญานั้น จนสามารถกำจัดปรวาที่ฝ่ายตรงข้ามให้พ่ายแพ้ ไปทุกแห่งหน วิภาษวิธีของท่านนาคารชุน ได้ก่อให้เกิดการตื่นตัวในวงการนักปราชญ์ทาง พระพุทธศาสนา ทำให้มีนักคิดที่ตามมาในภายหลังยึดถือวิธีการของท่านเป็นแบบอย่างอีก มากมาย ท่านนาคารชุนได้เขียนคัมภีร์ไว้หลายเล่ม ผลงานชิ้นสำคัญของท่านคือ คัมภีร์ มัธยมกการิกา (Madhyamakakrika) ซึ่งได้รวบรวมปรัชญามาธยมิกไว้อย่างเป็นระเบียบ สอน เรื่องศูนยตา (Sunyata) ว่าเป็นความแท้จริงขั้นสุดท้าย (อันติมสัจจะ) และเพราะเหตุที่นิกายนี้ ยึดถือศูนยตาว่าเป็นหลักสำคัญของตนด้วย ดังนั้นจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า นิกายศูนยวาท คัมภีร์มัธยมกการิกายังได้กล่าวอีกว่า สัจจะหรือความจริงมี 2 ชนิด คือ สมมติสัจจะ และปรมัตถสัจจะ ในสัจจะทั้ง 2 นี้ สมมติสัจจะ หมายถึง อวิชชาหรือโมหะซึ่งปิดบังความเป็น จริงจนทำให้เราเข้าใจผิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีแก่นสาร ส่วนปรมัตถสัจจะ หมายถึง การ หยั่งเห็นปรากฏการณ์ทั้งหลายว่าเป็นสิ่งสมมติ สังขารทั้งหลายไม่มีอยู่จริง เปรียบเหมือนภาพ มายา แม้แต่ความหลุดพ้นก็เป็นสิ่งสมมติ เมื่อยังละสมมติสัจจะไม่ได้ก็ยังบรรลุปรมัตถสัจจะ ไม่ได้ จากคำอธิบายตรงนี้ เราจึงตีความได้ว่า ความจริงแท้ที่มาธยมิกะกล่าวถึงนั้น ไม่มี แก่นสารสาระใด ๆ แต่เป็นอิสรภาพหรือความหลุดพ้นจากแก่นสารทั้งปวง หลักการของมาธยมิกะข้างต้นดูจะเป็นเรื่องยากต่อการเข้าใจของคนทั่วไปเพราะเต็มไป ด้วยการโต้แย้งเชิงเหตุผลที่ซับซ้อนและลึกซึ้ง แต่อย่างไรก็ตามบรรดานักปราชญ์ชาวตะวันตก ยุคหลังที่ได้อ่านคัมภีร์ของนาคารชุนแล้ว ต่างก็ต้องยอมรับว่า ท่านนาคารชุนเป็นนักตรรกวิทยา ที่ยิ่งใหญ่ของโลกที่ไม่มีปราชญ์ชาวตะวันตกผู้ใดจะเทียบได้ แม้แต่พุทธศาสนิกชนฝ่ายมหายาน เองต่างก็ยอมรับในอัจฉริยภาพด้านพุทธปรัชญาของท่าน และยกย่องท่านไว้อย่างสูงสุดในฐานะ “พระพุทธเจ้าองค์ที่สอง” ในบั้นปลายชีวิต ท่านนาคารชุนดับขันธ์ลง ณ มหาวิหารแห่งหนึ่งที่ เมืองอมราวดี ในแคว้นอันธระทักษิณาบถ ปัจจุบันนี้ในอินเดียทางใต้ยังมีโบราณสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งมีซากพระสถูปเจดีย์ชื่อว่า “นาคารชุนโกณฑะ” 2. นิกายโยคาจาร (Yogacara) นิกายโยคาจารเป็นนิกายสำคัญที่เป็นคู่ปรับของนิกายมาธยมิกะโดยมีท่านไมเตรยนาถ ศูนยตา หรือสุญญตา ตามความหมายของนาคารชุน เป็นความว่างที่ยากจะอธิบาย เพราะเป็นทางสายกลาง ระหว่างความมีกับความไม่มี ไม่สุดโต่งไปในทางยืนยัน หรือปฏิเสธอะไร * อภิชัย โพธิประสิทธิศาสต์, พระพุทธศาสนามหายาน, 2539 หน้า 160 พระพุทธศาสนาในอินเดีย ห ลั ง ยุค พุ ท ธ ก า ล DOU 93
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More