ข้อความต้นฉบับในหน้า
พวกไวทิกวาทะนี้ต่อมาภายหลังก่อเกิดเป็น 6 ลัทธิใหญ่ เรียกว่า หลักทรรศนะ 6
(Six Darshanas) ประกอบด้วยลัทธิเวทานตะ นยายะ ไวเศษิกะ สางขยะ โยคะ และมีนางสา
ทรรศนะเหล่านี้มีรายละเอียดคำสอนต่างกันดังนี้
1) ลัทธิเวทานตะ (Vedanta) ก่อตั้งโดยฤาษีพาทรายณะ
ลัทธินี้สืบทอดมาจากการแตกยอดบทอุปนิษัทบทสุดท้ายของคัมภีร์พระเวท
ที่กล่าวถึงจุดสูงสุดแห่งการศึกษาหรือที่เรียกว่า เวทานตะ ตั้งปรัชญาความเชื่อว่า ความจริงแท้
(สัจธรรม) หรือความจริงอันสูงสุด หรืออันติมสัจจะ (Ultimate Reality) ของโลกและจักรวาล
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น คือ พรหมัน หรือปรมาตมัน และชีวาตมัน หรืออาตมัน แต่เพราะเหตุที่
เราไม่รู้เท่าทันความจริงที่ว่า จิตของเราแต่ละคนเป็นอาตมัน เป็นอย่างเดียวกับจิตของพรหม
คือ ปรมาตมัน คนเราจึงกระทำกรรมและถือกรรมต่าง ๆ เป็นตัวตนของเขา ดังนั้นจึงเวียนว่าย
ตายเกิดอยู่ในโลกนี้ เมื่อใดกำจัดอวิชชาหรือความไม่รู้ได้แล้ว อาตมันก็จะเข้าร่วมสถิตอยู่กับ
ปรมาตมัน คนที่สำเร็จถึงขั้นนั้น
สำเร็จถึงขั้นนั้นก็จะกลายเป็นพรหม
2) ลัทธินยายะ (Nyaya) ก่อตั้งโดยท่านฤาษีโคตมะ
ลัทธินี้เน้นหนักไปในเรื่องการพิจารณาหาความจริงแบบตรรกะ (Logical
Realism) ใช้ความคิดวิพากษ์วิจารณ์และวิเคราะห์ความจริงในรูปแบบต่าง ๆ โดยเชื่อว่าความ
จริงที่ยอมรับได้จะต้องอธิบายได้ด้วยหลักของเหตุผล สอนให้พิจารณาถึงความทุกข์ ความเกิด
ความเคลื่อนไหวในระหว่างมีชีวิตอยู่และความสำนึกผิด สอนให้บุคคลเลิกละอกุศล ให้มีเมตตา
ต่อกัน มีสัจจะบำเพ็ญประโยชน์ต่อกัน ในที่สุดก็จะบรรลุความหลุดพ้นจากความทุกข์และ
เครื่องผูกพันอันเกิดจากการสมาคมระหว่างชีวาตมันกับสสาร เพราะการสมาคมกันของ
ชีวาตมันกับสสารทำให้ชีวาตมันหลงลืมภาวะดั้งเดิมของตัวเอง แล้วไปทำกรรมดีกรรมชั่ว
ผลของการทำกรรมดีและชั่ว จึงทำให้ชีวาตมันเวียนเกิดเวียนตายในสังสารวัฏไม่รู้จบ เมื่อ
คลี่คลายชีวาตมันออกจากสสารได้ ก็จะเป็นอิสระอย่างแท้จริง เป็นอิสรภาพสูงสุด เพราะ
หลุดพ้นจากการเกิดการตาย และพ้นไปจากความทุกข์และความสุขตลอดกาล
* คำว่า “ทรรศนะ” แต่เดิมหมายถึงทฤษฎีอธิบายแนวความคิดเกี่ยวกับความเป็นจริงนั้นๆ ออกมา
แต่ชาวตะวันตก ใช้คำว่า “ปรัชญา”
* ดวงธิดา ราเมศวร์, 2 อารยธรรมยิ่งใหญ่แห่งอาเซียน อินเดีย-จีน, 2549 หน้า 47
* ประยงค์ แสนบุราณ, ปรัชญาอินเดีย, 2549 หน้า 152
สังคม อินเดีย ก่ อ น ยุ ค พุ ท ธ ก า ล DOU 37