คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและการยอมรับของพราหมณ์ GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 70
หน้าที่ 70 / 249

สรุปเนื้อหา

บทความนี้สำรวจความสำคัญของคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นสัจธรรมที่พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง พร้อมกล่าวถึงการยอมรับจากกลุ่มพราหมณ์ในสังคมอินเดียสมัยพุทธกาล ซึ่งมีทั้งราชา มหาเศรษฐี และบุคคลชั้นสูงหลายคนที่ได้เข้าใจและยอมรับว่าพระพุทธศาสนามีคุณค่า อีกทั้งยังมีการพูดคุยทางความคิดระหว่างวาเสฏฐะและภารทวาชะเกี่ยวกับช่องทางทำให้บรรลุถึงพรหม และเมื่อไม่มีคำตอบจากพราหมณ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นที่พึ่ง โดยมีบทสนทนาที่ชัดเจนและบ่งบอกถึงสัจธรรมของศาสนาได้อย่างแม่นยำ ผ่านการอ่านหนังสือหลายเล่ม

หัวข้อประเด็น

-คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-การยอมรับของพราหมณ์
-การสนทนาระหว่างวาเสฏฐะและภารทวาชะ
-ความสำคัญของพระพุทธศาสนา
-สังคมอินเดียในสมัยพุทธกาล

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ครั้งนั้นมีสาเหตุหลายประการที่สำคัญที่สุดคือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสัจธรรม อันจริงแท้แน่นอนที่ผู้ปฏิบัติสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง และมีผู้ปฏิบัติจนเข้าถึงธรรม บรรลุ ธรรมเป็นพระอรหันต์ พระอริยบุคคลเป็นพยานให้พระพุทธศาสนามากมาย เขาเหล่านั้นมีทั้ง พระราชามหากษัตริย์ มหาเศรษฐี เสนาบดี มหาอำมาตย์ แม้แต่เจ้าลัทธิใหญ่ที่มีศิษย์จำนวน มากก็หันมานับถือและเป็นพยานให้พระพุทธศาสนาด้วย นอกจากนี้ พราหมณ์โดยทั่วไปให้การยอมรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากเพราะ พระองค์ทรงได้ลักษณะกายมหาบุรุษ ทั้งนี้เพราะมีกล่าวไว้ในมนต์ของพราหมณ์มาตั้งแต่ยุค โบราณว่า ผู้ที่ได้กายมหาบุรุษหากอยู่เป็นฆราวาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ถ้าออกบวช จะได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกในโลก แม้อสิตดาบสผู้เป็นอาจารย์ ของพระเจ้าสุทโธทนะยังประนมหัตถ์ก้มกราบแทบเท้าของพระโพธิสัตว์ซึ่งประสูติได้ไม่กี่วัน เพราะตนทราบดีถึงคำทำนายในตำรามหาปุริสลักษณะของพราหมณ์ดังกล่าวแล้ว อีกประการหนึ่งคำสอนของพราหมณ์ก็มีความขัดแย้งกันเอง ผู้ที่มีปัญญาจึงพยายาม หาคำตอบที่ถูกต้อง เมื่อเหล่าพราหมณ์ตอบไม่ได้จึงมาทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่ง พระพุทธองค์ก็ทรงเทศน์สอนชี้หนทางสว่างให้ เขาเหล่านั้นจึงออกบวชตามบ้าง ขอถึงพระ รัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกบ้าง เช่น กรณีของวาเสฏฐะและภารทวาชะ เป็นต้น โดยครั้งหนึ่ง วาเสฏฐมาณพและภารทวาชมาณพได้พูดกันถึงเรื่องทางและมิใช่ทางวาเสฏฐมาณพพูดอย่างนี้ว่า ทางที่ท่านโปกขรสาติพราหมณ์บอกไว้นี้เท่านั้นเป็นทางตรง เป็นเส้นทางเดิน เป็น ทางนำออก ย่อมนำผู้ดำเนินไปตามทางนั้นเพื่อความอยู่ร่วมกับพรหม ฝ่ายภารทวาชมาณพ พูดอย่างนี้ว่า ทางที่ท่านตารุกขพราหมณ์บอกไว้นี้เท่านั้นเป็นทางตรง เป็นเส้นทางเดิน เป็น ทางนำออก ย่อมนำผู้ดำเนินไปตามทางนั้น เพื่อความอยู่ร่วมกับพรหมได้ วาเสฏฐมาณพ ไม่อาจให้ภารทวาชมาณพยินยอมได้ ฝ่ายภารทวาชมาณพก็ไม่อาจให้วาเสฏฐมาณพยินยอมได้ เมื่อมานพทั้งสองคนไม่อาจจะยังอีกฝ่ายหนึ่งให้ยินยอมได้ จึงไปกราบทูลถามพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า ในครั้งนั้นพระพุทธองค์ตรัสถามว่า วาเสฏฐะ บรรดาพราหมณ์ผู้จบไตรเพท พราหมณ์แม้คนหนึ่ง ที่เห็นพรหมมีเป็นพยานอยู่หรือ วาเสฏฐะตอบว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ไม่มีพระเจ้าข้า วาเสฏฐะ อาจารย์ที่สืบเนื่องมาเจ็ดชั่วอาจารย์ของพราหมณ์ผู้จบไตรเพทที่เห็น พรหมเป็นพยานไม่มีเลยหรือ วาเสฏฐะตอบว่า ไม่มีเลยพระเจ้าข้า จากนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงตรัสว่า ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม 12 ข้อ 366 หน้า 259 สังคม อินเดีย ส มั ย พุ ท ธ ก า ล DOU 61
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More