ประวัติความเป็นมาของนิกายตันตระในพุทธศาสนา GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 107
หน้าที่ 107 / 249

สรุปเนื้อหา

นิกายตันตระได้เริ่มต้นในพุทธศตวรรษที่ 8 โดยมีมนตรยานเป็นจุดเริ่มต้น และได้รับการเผยแพร่ในพุทธศตวรรษที่ 10 นิกายนี้มุ่งเน้นการสร้างเวทมนตร์เพื่อช่วยให้การแสวงหาพระโพธิญาณเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากนั้นในพ.ศ. 1293 ได้มีการจัดระเบียบใหม่เป็นวัชรยานซึ่งเชื่อมโยงกับพระเจ้า 5 พระองค์และเน้นการทำสมาธิผ่านนิกายสหชยาน ในพุทธศตวรรษที่ 15 เกิดนิกายกาลจักรที่ขยายขอบเขตคำสอนรวมถึงโหราศาสตร์ ในประเทศอินเดีย บรรดานักบวชในนิกายนี้เรียกว่า สิทธะ ซึ่งมีความต่างจากภิกษุ โดยเสนอหลักการที่จะต้องรวมธาตุชายและหญิงในเส้นทางสู่การบรรลุนิพพาน สรุปว่าพุทธตันตระได้เกิดการแตกกลุ่มเป็น 2 สาย คือ วามจารีและวามาจาริน โดยมีความแตกต่างในวิธีปฏิบัติและความเชื่อในการทำพิธีกรรม ไม่แตกต่างจากตอนท้ายที่ฮินดูตันตระแบ่งเป็นทักษิณะจารินและว่ามาจาริน

หัวข้อประเด็น

- ประวัตินิกายตันตระ
- มนตรยาน
- วัชรยาน
- การทำสมาธิและวิปัสสนา
- นิกายกาลจักร

ข้อความต้นฉบับในหน้า

การเกิดขึ้นของนิกายตันตระดำรงอยู่นานถึง 3 สมัยด้วยกัน คือ สมัยแรกมีชื่อเรียกว่า มนตรยาน (Mantrayana) ซึ่งได้เริ่มต้นในพุทธศตวรรษที่ 8 แต่เพิ่งจะมีการเผยแพร่คำสอน อย่าง จริงจังหลังจากพุทธศตวรรษที่ 10 นิกายนี้ได้ก่อให้เกิดเวทมนตร์คาถาต่าง ๆ ขึ้นมากมาย โดย มีความมุ่งหมายที่จะให้เวทมนตร์คาถาเหล่านั้นเข้าช่วยให้การแสวงหาพระโพธิญาณทำได้ง่าย ยิ่งขึ้น ดังนั้นในพุทธศาสนาจึงมีมนตร์ มีมุทระ มีมัณฑละ และเทพเจ้าองค์ใหม่เกิดขึ้นทั้งที่มีใน ตำราและนอกตำรามากมาย และพอหลังจาก พ.ศ.1293 นิกายตันตระนี้ ก็ได้รับการจัดระบบใหม่ขึ้นมา มีชื่อ เรียกว่า วัชรยาน ซึ่งก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับคำสอนดั้งเดิมอยู่ในเรื่องพระเจ้า 5 พระองค์” (Five Tathagatas) นิกายย่อยที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในช่วงนั้นคือ นิกายสหชยาน ซึ่งเน้นหนัก ไปในทางการทำสมาธิและเจริญวิปัสสนา อีกทั้งสอนโดยใช้ปริศนาปัญหาธรรมและภาพ ปริศนาต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ระบบการเรียนการสอนที่กำหนดตายตัว เมื่อถึงพุทธวรรษที่ 15 นิกายกาลจักรก็เกิดขึ้น ซึ่งกาลจักรนี้เป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นว่า นิกายนี้ได้ขยาย ขอบเขตแห่งคำสอนกว้างขวางยิ่งขึ้น และเน้นหนักไปทางโหราศาสตร์ด้วย นิกายดังกล่าวนี้เองได้เจริญขึ้นในอินเดียตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา นักบวช ในนิกายนี้ไม่เรียกว่าภิกษุ แต่เรียกว่า สิทธะ (Siddha) หรือผู้วิเศษ ซึ่งก็ไม่แตกต่างอะไรนัก จากพระโพธิสัตว์ แต่กล่าวกันว่าหลังจากที่สิทธะได้บรรลุถึงภูมิที่ 8 แล้ว ก็จะมีฤทธานุภาพ ต่าง ๆ ครบถ้วน สิทธะเป็นบุคคลที่เป็นแบบฉบับซึ่งจัดว่าเป็นอริยะ ต่อมานิกายพุทธตันตระได้แตกแยกสาขาออกไปอีก แบ่งเป็น 2 พวกใหญ่ คือ พวก วามจารี หรือพุทธตันตระฝ่ายซ้าย พวกนี้ประพฤติเลื่อนเปื้อนไม่รักษาพรหมจรรย์ มีลักษณะ เป็นหมอผีมากขึ้น คือ อยู่ในป่าช้า ใช้กะโหลกหัวผีเป็นบาตร และมีภาษาลับพูดกันเฉพาะพวก เรียกว่า “สนธยาภาษา” ถือการเสพกามคุณเป็นการบรรลุวิโมกข์ เกณฑ์ให้พระพุทธเจ้าและ พระโพธิสัตว์มี “ศักติ” (Shakti) คือ ชายาคู่บารมี พระพุทธปฏิมาก็มีรูปอุ้มกอดศักติ การ บรรลุนิพพานต้องทำให้ธาตุชายธาตุหญิงมาสมานกัน ธาตุชายเป็นอุบาย ธาตุหญิงเป็นปรัชญา เมื่ออุบายรวมกับปรัชญาจึงได้ผลคือนิพพาน 1 พระธยานิพุทธทั้งห้าพระองค์ ได้แก่ พระไวโรจนพุทธะ พระอักโษภยพุทธะ พระรัตนสัมภวพุทธะ พระอมิตาภพุทธะ และพระอโฆภยพุทธะ * เอ็ดเวอร์ด คอนซ์, พุทธศาสนประวัติสังเขป, 2516 หน้า 102 * คล้ายกับพวกฮินดูตันตระที่แบ่งเป็นทักษิณะจารินกับว่ามาจาริน กล่าวคือ พวกทักษิณะจารินหรือฝ่ายขวาทำพิธี บวงสรวงเทวดาผู้หญิงอย่างเปิดเผย แต่วามาจารินหรือฝ่ายซ้ายไปทำพิธีกันในลับ และไม่ใคร่แสดงตนว่านับถือ ลัทธิพวกนี้ 98 DOU ประวัติศาสตร์ พระพุทธ ศาสนา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More