วัฒนธรรมพระพุทธศาสนาในศรีลังกา GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 127
หน้าที่ 127 / 249

สรุปเนื้อหา

ศรีลังกามีวัฒนธรรมการบวชพระภิกษุที่แน่นแฟ้น ซึ่งส่วนใหญ่บวชตลอดชีวิต มีข้อกำหนดในการบวชที่เข้มงวด พระภิกษุจากศรีลังกามีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก การแพร่กระจายของพระพุทธศาสนาย้อนกลับไปถึงยุคโบราณ, เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระมหินทเถระไปยังศรีลังกาเพื่อนำพาพระศาสนาในปี พ.ศ.236 วัฒนธรรมการอุปสมบทยังขยายไปถึงสตรี ซึ่งได้รับการอนุมัติจากพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจำนวนมากจึงได้ออกบวชเป็นภิกษุณี นอกจากนี้ยังเกิดการแยกตัวของสงฆ์ออกเป็น 2 คณะหลักคือ มหาวิหารและอภัยคีรีวิหาร ตามแนวทางการอนุรักษ์และการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างกัน พระพุทธโฆษาจารย์เป็นปราชญ์ที่มีชื่อเสียงที่เดินทางจากอินเดียมาศึกษาในมหาวิหารเมื่อประมาณปี พ.ศ.945

หัวข้อประเด็น

-วัฒนธรรมพระพุทธศาสนา
-การบวชในศรีลังกา
-พระภิกษุและภิกษุณี
-ประวัติการแพร่กระจายพระพุทธศาสนา
-สงฆ์มหาวิหารและอภัยคีรีวิหาร
-บทบาทของพระพุทธโฆษาจารย์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ศรีลังกามีวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะวัฒนธรรมการบวช พระภิกษุจะนิยมบวชตลอดชีวิต แต่ละปีบวชได้เพียงครั้งเดียว และแต่ละวันบวชได้เพียง 1 รูป เท่านั้น ด้วยเหตุนี้พระภิกษุศรีลังกาจึงมีคุณภาพ ไม่ได้บวชโดยหวังพึ่งพระศาสนาเพียงชั่วครั้ง ชั่วคราวแล้วลาสิกขาออกไป ปัจจุบันพระภิกษุที่จาริกเผยแผ่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเป็นพระ จากศรีลังกาจำนวนมาก ทั้งนี้เพราะท่านมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างดีและมี ศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา ศรีลังกาเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาเถรวาทมาตั้งแต่ยุคโบราณ พระพุทธศาสนา จากอินเดียเข้าสู่ลังกาเมื่อประมาณปี พ.ศ.236 โดยพระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งพระมหินท เถระและคณะไปประกาศพระศาสนาในสมัยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ มีคนออกบวชหลายพันคน พระราชาทรงอุทิศมหาเมฆวันอุทยานเป็นวัด เรียกว่า วัดมหาวิหาร พระมหินทเถระได้นำ พระไตรปิฎกพร้อมทั้งอรรถกถามาสู่ลังกา และยังได้นำอารยธรรม ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม เข้าไปด้วย ต่อมาพระนางอนุฬาเทวีมเหสีและสตรีบริวารจำนวนมากปรารถนาจะอุปสมบทบ้าง พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะจึงทรงส่งคณะทูตไปสู่ราชสำนักของพระเจ้าอโศก ทูลขอพระสังฆมิต ตาเถรี และกิ่งพระศรีมหาโพธิ์ด้านทักษิณมาสู่ลังกาทวีป จึงทำให้มีสตรีออกบวชเป็นภิกษุณีกัน จํานวนมาก ในปี พ.ศ.433 รัชสมัยของพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย พวกทมิฬเข้ายึดครองอนุราธปุระ เป็นเวลา 14 ปี จนพระองค์ต้องเสียราชบัลลังก์และเสด็จลี้ภัยไปซ่องสุมกำลัง ระหว่างนั้นทรง ได้รับการอุปถัมภ์จากพระมหาติสสะ ต่อมาเมื่อปราบพวกทมิฬได้แล้วจึงเสด็จกลับมา ครองราชย์อีกครั้ง ทรงให้ทำการสังคายนาและจารึกพระพุทธพจน์ลงใบลานเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังทรงอุปถัมภ์พระมหาติสสะพร้อมทั้งสร้างวัดอภัยคีรีวิหารถวายด้วย เป็นเหตุให้ พระภิกษุมหาวิหารไม่พอใจ สงฆ์จึงแตกออกเป็น 2 คณะ คือ มหาวิหาร กับอภัยคีรีวิหาร คณะมหาวิหารเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขพระธรรมวินัยใด ๆ และยังตำหนิรังเกียจภิกษุต่างนิกายว่าเป็นอลัชชี ส่วนคณะอภัยคีรีวิหารเป็นคณะที่เปิดกว้าง ยอมรับเอาความคิดเห็นต่างนิกาย ไม่รังเกียจภิกษุต่างนิกาย พระพุทธโฆษาจารย์ กาลต่อมามีปราชญ์พระพุทธศาสนาผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่งชื่อ พระพุทธโฆษาจารย์ (เกิดปี พ.ศ.945) เดินทางจากอินเดียมาที่สำนักมหาวิหารเพื่อศึกษา 1 หลักฐานบางแห่งว่า พ.ศ.450. 118 DOU ประวัติ ศ า ส ต ร์ พระ พุ ท ธ ศ า ส น า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More