วิวัฒนาการของนิกายและระบบวรรณะในศาสนาพราหมณ์ GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 38
หน้าที่ 38 / 249

สรุปเนื้อหา

บทความนี้วิเคราะห์เรื่องราวการเกิดนิกายไวษณพนิกายและไศวนิกาย รวมถึงการเสื่อมสภาพของพระพรหมในฐานะเทพเจ้าสูงสุด ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงของระบบวรรณะเป็นผลจากสงครามระหว่างอารยันและดราวิเดียน สะท้อนถึงความซับซ้อนในสังคมศาสนาพราหมณ์และการปรับตัวเข้าสู่ศาสนาฮินดูเพื่อเรียกศรัทธาคืน

หัวข้อประเด็น

-นิกายไวษณพนิกาย
-นิกายไศวนิกาย
-เสื่อมสภาพของพระพรหม
-พัฒนาการระบบวรรณะ
-ความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาและสังคมอินเดีย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น” ความเชื่อนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาการแตกแยกนิกายในยุคต่อ ๆ มา คือ กลุ่ม ที่บูชาพระวิษณุก็มุ่งมั่นภักดีในองค์พระวิษณุจนเกิดเป็นไวษณพนิกาย (Vaishnavism) ส่วน กลุ่มที่บูชาพระศิวะก็มุ่งมั่นภักดีต่อพระศิวะเกิดเป็นไศวนิกาย (Saivism) การเกิดขึ้นของทั้งสองนิกายนี้ทำให้พระเป็นเจ้าทั้งสองโดดเด่นและมีความหมายใน ฐานะเทพเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียว และในขณะเดียวกันฐานะของพระพรหมก็ค่อย ๆ เสื่อมความ นิยมลง ในปัจจุบันเทวาลัยในอินเดียที่ประดิษฐานรูปปั้นพระพรหมนั้นแทบจะหาไม่ได้เลย บางเทวาลัยมีแต่รูปปั้นของพระศิวะและพระวิษณุประดิษฐานโดดเด่นเป็นสง่า แต่ในคูหาหรือ ช่องเล็กๆ ของผนังเทวาลัยกลับมีรูปปั้นพระพรหมองค์เล็ก ๆ ประดิษฐานรวมอยู่ด้วยเท่านั้นเอง เราจะเห็นว่า การสร้างเทพเจ้าขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ เป็นลักษณะสำคัญ ของศาสนาพราหมณ์ที่ต่างจากศาสนาอื่น ๆ สมัยพราหมณะจึงเป็นสมัยที่มนุษย์สร้างพระเจ้า มิใช่ พระเจ้าสร้างมนุษย์อย่างที่เคยเชื่อถือมาแต่เดิม ในยุคนี้ทั้งผู้นำทางศาสนาพราหมณ์และผู้ เคารพบูชาต่างก็มุ่งเน้นไปที่ความฉาบฉวยของเปลือกนอกแห่งศาสนา จนละเลยคำสอนใน คัมภีร์ไตรเพท กลับเน้นหนักไปกับเรื่องราวอิทธิปาฏิหาริย์และเวทมนตร์มายาคุณไสยต่าง ๆ ที่ เก็บไว้ในคัมภีร์ที่ 4 หรืออาถรรพเวทเป็นหลัก แม้แต่แนวคิดเรื่องตรีมูรติก็เป็นเช่นนั้น คือเกิดขึ้นด้วยความต้องการให้เกิดการรวม ปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่แห่งองค์เทพทั้งสามเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเท่ากับองค์เทพองค์เดียวกันนี้มีพลัง อำนาจ ทั้งการสร้างโลกโดยพระพรหม บำรุงรักษาโลกโดยพระวิษณุ และทำลายโลกโดยพระศิวะ จะเห็นว่าแนวทางนี้ก็ยังมุ่งเน้นไปที่อิทธิปาฏิหาริย์แห่งองค์เทพเป็นหลัก แทนที่จะมุ่งศึกษา คำสอนดั้งเดิมในคัมภีร์พระเวท สิ่งเหล่านี้ก็คือสัญญาณแห่งความเสื่อมของศาสนาพราหมณ์ ในช่วงเวลาต่อมา และเป็นเหตุให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนคำสอนเสียใหม่ กระทั่งกลายเป็น ศาสนาฮินดูที่พยายามในทุกวิถีทางที่จะเรียกศรัทธากลับคืนมาให้ได้มากที่สุด พัฒนาการของระบบวรรณะ 4 สู่ระบบชนชั้น ในยุคพระเวท แม้จะมีการแบ่งเป็นวรรณะแล้ว แต่ยังไม่เด่นชัดนัก ระบบวรรณะเริ่ม ก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นเมื่อสงครามระหว่างอารยันกับดราวิเดียนสิ้นสุดลง การตีความความหมาย ของวรรณะตามคัมภีร์พระเวทเป็นสิ่งที่เกิดจากความจำเป็นทางสังคมหรือความต้องการของผู้ มีอำนาจในสังคมเป็นหลัก เช่นในระยะแรกของการมีระบบวรรณะ วรรณะจะถูกตีความไปตาม * ดวงธิดา ราเมศวร์, 2 อารยธรรมยิ่งใหญ่แห่งอาเซียน อินเดีย-จีน, 2549 หน้า 58 สังคม อินเดีย ก่ อ น ยุ ค พุ ท ธ ก า ล DOU 29
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More