ลัทธิต่าง ๆ ในปรัชญาอินเดีย GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 47
หน้าที่ 47 / 249

สรุปเนื้อหา

พบกับความคิดของลัทธิไวเศษิกะที่สอนว่าโลกเกิดจากพลังอันมองไม่เห็นและแนวคิดเกี่ยวกับจิตอันยิ่งใหญ่ของปรมาตมันที่สร้างสรรค์สากลโลก ผ่านการขจัดอวิชชาเพื่อเข้าถึงโมกษะ ในขณะเดียวกัน สางขยะช่วยนำเสนอว่ามนุษย์ถูกขังอยู่ในประกฤติและต้องถอนวิญญาณออกเพื่อหลุดพ้น นอกจากนี้โยคะเน้นการรวมตัวของชีวาตมันกับปรมาตมันเพื่อยุติการเวียนเกิดและเวียนตายในสังสารวัฏ เนื้อหานี้ช่วยให้เข้าใจปรัชญาอินเดียและการแสวงหาความจริง.

หัวข้อประเด็น

-ลัทธิไวเศษิกะ
-ลัทธิสางขยะ
-ลัทธิโยคะ
-การหลุดพ้น
-จิตและวิญญาณ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

3) ลัทธิไวเศษิกะ (Vaisesika) ก่อตั้งโดยฤๅษีกณาท ลัทธินี้สอนว่า โลกเกิดจากพลังอันมองไม่เห็นที่สืบมาจากกรรมในภพก่อน แต่ก็มีจิตอันยิ่งใหญ่ที่สุดคือปรมาตมันเป็นใหญ่อยู่ในสากลโลก เป็นอมตะ ไม่มีต้นไม่มีปลาย ไม่มีการทำลายแตกดับ แผ่ซ่านทั่วไปโดยปราศจากรูปร่าง และเป็นผู้สร้างสากลโลกขึ้น จิตอัน ยิ่งใหญ่นี้ได้แยกส่วนเป็นวิญญาณส่วนบุคคลที่เรียกว่าชีวาตมัน โมกษะหรือความหลุดพ้นจาก ทุกข์ของชีวาตมัน จึงสามารถเข้าถึงได้ด้วยการขจัดอวิชชา (อวิทยา) ให้หมดไป และทำความ รู้แจ้งในสัจธรรมให้เกิดขึ้น เมื่อนั้นชีวาตมันก็จะไม่ยึดมั่นในใจและกาย ทำให้มองเห็น ธรรมชาติที่แท้จริงของตนว่า เป็นวิญญาณบริสุทธิ์หรือจิตสสารบริสุทธิ์ที่ดำรงอยู่โดยปราศจาก สัมปชัญญะ ไม่มีความรู้ ไม่มีความสุข ไม่มีความทุกข์ เป็นภาวะนิรันดร์ 4) ลัทธิสางขยะ (Sankhya) ก่อตั้งโดยกบิลมหามุนี ลัทธินี้มุ่งแสวงหาความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสัจภาพโดยการจำแนกวัตถุแห่ง การรับรู้ออกเป็น “ตัตตวะ” หรือความจริงแท้ 25 ประการ ซึ่งอาจย่อลงเป็น 2 คือ ปุรุษะ และ ประกฤติ ปุรุษะ ได้แก่ อาตมันหรือวิญญาณสากล ส่วนประกฤติ คือ สิ่งที่เป็นต้นเหตุหรือต้น กำเนิดของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ลัทธินี้จึงจัดอยู่ในประเภทสัจนิยมเชิงทวิ (Dualistic Realism) เพราะมีความเห็นว่าปุรุษะและประกฤติทั้งสองส่วนเป็นสัจภาพและเป็นมูลการณะของสรรพสิ่ง โดยชี้ให้เห็นว่าบุรุษะถูกขังอยู่ในประกฤติ จึงได้ประกอบกรรมอันนำมาซึ่งความทุกข์ เมื่อทราบ ดังนี้แล้วจึงต้องพยายามหาทางถอนวิญญาณของตนออกจากวัตถุธาตุทั้งมวล ดังนั้นการ หลุดพ้นก็คือการกลับไปสู่ภาวะเดิมของบุรุษะ กล่าวคือกลับคืนสู่วิญญาณบริสุทธิ์เหมือนก่อนที่ จะมาสัมพันธ์กับประกฤติ เมื่อหลุดพ้นแล้วก็จะได้เข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวิญญาณสากล หรือปรมาตมันต่อไป 5) ลัทธิโยคะ (Yoga) ก่อตั้งโดยปตัญชลีมหาฤาษี เชื่อว่ามีเทพเจ้าผู้ทรงอำนาจเหนือมนุษย์ คือพระพรหมผู้ยิ่งใหญ่หรือปรมาตมัน อันเป็นปฐมวิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย ในยุคต้นฝึกบำเพ็ญตบะโดยหวังไปทางโลกยสุข ต่อมา ฝึกเน้นหนักไปในทางทำจิตให้สะอาดเพื่อจะได้รวมกับพระพรหม โดยกำหนดให้ตั้งสมาธิ คือ การเพ่งจิตให้มีอารมณ์เดียวเป็นเอกัคคตา เพื่อให้วิญญาณเล็กน้อยทั้งหลายเข้าร่วมอยู่ใน 1 ประยงค์ แสนบุราณ, ปรัชญาอินเดีย, 2549 หน้า 152 * คำว่า “โยคะ” โดยทั่วไปใช้ในความหมายว่า “รวม” หมายถึง การรวมชีวาตมันเข้ากับปรมาตมัน ถ้าหากรวมให้ เป็นเอกภาพได้ สรรพสัตว์เหล่านั้นก็จะหยุดการเวียนเกิดเวียนตายในสังสารวัฏ 38 DOU ประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More