ข้อความต้นฉบับในหน้า
1.3.2 ศึกษาด้วยการใช้ความจำประกอบกับความเข้าใจ
การศึกษาสิ่งใดก็ตาม ความจำ กับความเข้าใจ ต้องไปด้วยกันจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด
หากเราจำได้แต่ไม่เข้าใจ ตัวเราก็ไม่ต่างอะไรกับ Hard Disk เก็บข้อมูลตัวหนึ่งแค่นั้นเอง เมื่อ
จำได้แต่ไม่เข้าใจก็จะไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กล่าวไว้ว่า “ปัญหาที่
เป็นเกณฑ์ยึดเหนี่ยวทางประวัติศาสตร์จึงไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะจำอะไรได้ทั้งหมด
เราจะรู้ลึกซึ้งถึงความหมายของสิ่งที่เรารู้หรือจำนั้นได้อย่างไร”
แต่ขึ้นอยู่ที่ว่า
นักประวัติศาสตร์มีหน้าที่สำคัญในการวิเคราะห์หาสาเหตุของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิด
ขึ้นในอดีตจากหลักฐานต่าง ๆ แล้วเขียนสาเหตุที่ตนวิเคราะห์ได้ไว้ในตำรา นักศึกษาที่ศึกษา
ผลงานของนักประวัติศาสตร์เหล่านั้นจึงต้องตรองดูสาเหตุที่เขียนขึ้นเหล่านั้น แล้วใช้
ประสบการณ์ตนเองวิเคราะห์พิจารณาว่า เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร การหมั่นวิเคราะห์พิจารณา
อย่างนี้จะทำให้เกิดความเข้าใจประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ในขณะเดียวกันผู้เขียนเห็นว่า ความจำ
ก็มีความสำคัญ จะอาศัยเพียงความเข้าใจอย่างเดียวโดยที่จำเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้เลย เวลาจะ
นำไปใช้หรืออธิบายให้คนอื่นฟังก็ไม่องอาจ หรืออธิบายได้เพียงหลักการเท่านั้นขาดตัวอย่าง
ประกอบที่ชัดเจนจึงทำให้ผู้ฟังไม่เข้าใจเท่าที่ควร
1.3.3 ศึกษาโดยคำนึงถึงเจตจำนงของผู้เขียนประวัติศาสตร์
จากที่กล่าวข้างต้นว่า ผลงานทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้นจากการตีความหมายจาก
หลักฐานของนักประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ ประวัติศาสตร์ จึงไม่ใช่เป็นอดีตในตัวของมันเองเท่านั้น
แต่ยังเกี่ยวเนื่องมาถึงความคิดของนักประวัติศาสตร์เกี่ยวกับอดีตนั้น ๆ ด้วย ผู้ศึกษาตำรา
ประวัติศาสตร์จึงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับความคิดที่ขึ้นลงอยู่ในจิตใจของผู้เขียนประวัติศาสตร์
ยุคนั้นสมัยนั้น จะต้องศึกษาความเป็นไปในชีวิตของนักประวัติศาสตร์ควบคู่ไปกับการศึกษา
ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ด้วย ทั้งนี้เพราะนักประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ย่อมต้องถูกหล่อหลอมทางความคิดจิตใจให้เป็นไปตามสิ่งแวดล้อมตามภาวการณ์ต่าง ๆ ไม่
มากก็น้อย ผลงานทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจากการเขียนของเขาจึงอาจถูกวางรูปและถูก
กำหนดขอบเขตขึ้นด้วยอิทธิพลของกาลสมัยและสถานที่ในชีวิตของเขา การที่เราจะพิจารณา
หาคุณค่าของประวัติศาสตร์จึงต้องทำควบคู่ไปกับทัศนคติและบุคลิกของนักประวัติศาสตร์
แต่ละคน
1 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และสุชาติ สวัสดิ์ศรี, ปรัชญาประวัติศาสตร์, 2527 หน้า 5
บทนำา
DOU 11