ข้อความต้นฉบับในหน้า
อยู่ในฐานะพุทธคุณอย่างหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง ธรรมกายเป็นตถาคตกาย ความเป็นอย่าง
นั้น หลักความจริงอันเป็นรากฐานแห่งจักรวาล
ต่อมาในยุคของท่านอสังคะและวสุพันธุ์ คณาจารย์ของนิกายโยคาจาร จึงมีการเพิ่ม
กายเข้ามาอีกหนึ่งกาย คือ สัมโภคกาย ทำให้เกิดเป็นแนวคิดตรีกายขึ้นมา และธรรมกายก็มี
ความหมายค่อนข้างไปทางเทวนิยม ดังนั้นพระกายทั้ง 3 จึงมีความหมายดังนี้
1) ธรรมกาย หมายถึง สภาวะอันเป็นอมตะ เป็นสิ่งที่ไร้รูป ไม่อาจรับรู้ได้ด้วย
ประสาทสัมผัส ไม่มีเบื้องต้นและที่สุด ทั้งไม่มีจุดกำเนิดและผู้สร้าง ดำรงอยู่ได้ด้วยตนเอง แม้
จักรวาลจะว่างเปล่าปราศจากทุกสิ่ง แต่ธรรมกายจะยังคงดำรงอยู่โดยไม่มีที่สิ้นสุด และมหายาน
ยังมีความเชื่อว่า พระธรรมกายนี้เอง ที่แสดงตนออกมาในรูปของสัมโภคกายบนภาคพื้นสวรรค์
และจากสัมโภคกายนี้ก็จะแสดงตนออกมาในรูปนิรมาณกาย ทำหน้าที่สั่งสอนสรรพสัตว์
ในโลกมนุษย์
2) สัมโภคกาย หมายถึง พระกายที่แท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กายนี้จะไม่มี
การแตกดับ อยู่ในสภาวะอันเป็นทิพย์อยู่ชั่วนิรันดร์ และนอกจากนี้ มหายานยังมีความเชื่อว่า
สัมโภคกายสามารถที่จะแสดงตนให้ปรากฏแก่พระโพธิสัตว์ได้ สามารถที่จะรับทราบคำสวด
สรรเสริญและอ้อนวอนจากผู้ที่เลื่อมใสได้และสัมโภคกายนี้เองที่เนรมิตตนลงมาเป็นนิรมาณกาย
คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในโลกมนุษย์ เพื่อเป็นการสั่งสอนสัตวโลก เพราะฉะนั้นแม้ในบัดนี้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายที่เคยอุบัติขึ้นในมนุษย์โลกก็ยังสถิตอยู่ในสภาวะแห่งสัมโภคกายนี้
มิได้แตกดับสูญสิ้นไปเลย และพระโพธิสัตว์ทั้งหลายก็ยังสามารถเห็นและรับคำสอนจาก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านี้ได้
3) นิรมาณกาย หมายถึง กายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ
ยังมีการเกิด แก่ เจ็บ และตาย เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป มหายานมีความเชื่อว่า นิรมาณกายนี้
แท้จริงแล้วเป็นการเนรมิตมาจากสัมโภคกาย เพื่อเป็นอุบายในการสั่งสอนสัตวโลก เพื่อ
สรรพสัตว์ทั้งหลายจะได้ไม่ตกอยู่ในความประมาท และเร่งปฏิบัติธรรมเพื่อมุ่งสู่ความพ้นทุกข์
โดยเร็ว
กายแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 3 นี้ ถือว่าเป็นแนวความคิดและทัศนะในพระพุทธ
ศาสนามหายานโดยเฉพาะ และแท้ที่จริงแล้วกายเหล่านี้ย่อมมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
1 พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, พระพุทธศาสนามหายานในอินเดีย พัฒนาการและสารัตถธรรม, 2527
หน้า 100
86 DOU ประวัติศาสตร์ พระพุทธ ศาสนา