วาเสฏฐะและอุบาสกผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย GB 405 ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา หน้า 71
หน้าที่ 71 / 249

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับวาเสฏฐะที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจผิดของพราหมณ์ในพระเจ้าเมื่อเปรียบเทียบกับการนำทางในที่มืดและพระธรรมที่นำพาให้เห็นความจริง การยอมรับในพระรัตนตรัยเป็นอุบาสกและการหยุดให้การยอมรับวรรณะแสดงถึงการกลับคืนสู่ความเสมอภาคในพระพุทธศาสนาในยุคใหม่ การสอนตามจริตผู้ฟังมีส่วนทำให้พราหมณ์ละทิ้งความเชื่อดั้งเดิมเพื่อเข้าถึงพระธรรมอย่างแท้จริง.

หัวข้อประเด็น

-วาเสฏฐะ
-อุบาสก
-พระพุทธศาสนา
-พระธรรม
-ความเสมอภาค

ข้อความต้นฉบับในหน้า

วาเสฏฐะ ดีละ พวกพราหมณ์ผู้จบไตรเพท ไม่รู้จักพรหม ไม่เห็นพรหม แต่แสดง หนทางเพื่อความอยู่ร่วมกับพรหมว่าหนทางนี้แหละเป็นทางตรงเป็นสายทางเดินเป็นทางนำออก นำผู้ดำเนินไปตามทางนั้นเพื่อความอยู่ร่วมกับพรหมได้ ข้อนี้ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ วาเสฏฐะ เหมือนแถวคนตาบอดเกาะหลังกันและกัน คนต้นก็ไม่เห็น คนกลางก็ไม่เห็น แม้คนหลังก็ ไม่เห็น ภาษิตของพราหมณ์ผู้จบไตรเพทเหล่านั้น จึงเป็นคำน่าหัวเราะทีเดียว เป็นคำต่ำช้า เป็นคำว่าง เป็นคำเปล่า.... เมื่อวาเสฏฐมาณพและภารทวาชมาณพฟังพระธรรมเทศนาจบแล้ว ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์ไพเราะยิ่งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทางหรือส่องประทีปในที่มืด ด้วยคิดว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้ ฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศพระธรรมโดยอเนกปริยายก็ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าพระองค์ทั้งสองนี้ ขอถึงพระองค์กับทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์จง ทรงจำข้าพระองค์ทั้งสองว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะอย่างมอบกายถวายชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากพราหมณ์ทั้งหลายจะให้การยอมรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระองค์ ทรงมีกายมหาบุรุษ และเพราะคำสอนพราหมณ์ขัดแย้งกันเองเป็นคำสอนไม่เป็นเหตุเป็นผลแล้ว พุทธวิธีการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มีส่วนเป็นอย่างมาก ทรงเทศน์สอนโดยยึดตาม จริตผู้ฟัง ทรงยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ หรือในปัจจุบันใช้ศัพท์ว่า Child Center จึงเป็นเหตุให้ พราหมณ์ทั้งหลาย มีความรู้ความเข้าใจ มีความเลื่อมใส จนกระทั่งยอมละทิ้งความเชื่อดั้งเดิม ที่นับถือกันมาหลายพันปี มาขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกและยอมละทิ้งวัฒนธรรมเก่าๆ ทุกอย่าง โดยเฉพาะระบบวรรณะ ทั้งนี้เพราะผู้ที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา จะมีความ เสมอภาคกันไม่ว่าจะมาจากวรรณะกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ หรือศูทรก็ตาม ดังที่พระพุทธองค์ ตรัสไว้ในปหาราทสูตรว่า ดูก่อนปหาราทะ แม่น้ำสายใหญ่ๆ บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภูมที่ แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้วย่อมละนามและโคตรเดิมหมด ถึงความนับว่า มหาสมุทรนั่นเอง ฉันใด... วรรณะ 4 เหล่านี้ คือกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ และศูทร ออกบวช เป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ย่อมละนามและโคตรเดิมเสีย ถึงความนับว่า ศากยบุตรทั้งนั้น 1 ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม 12 ข้อ 371 หน้า 403-404 2 อังคุตตรนิกาย เล่ม 37 ข้อ 109 หน้า 403-404 62 DOU ประวัติ ศ า ส ต ร์ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More