ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาช
ภพ สาม คุกใหญ่ของสรรพสัตว์
៣៨៩
เมื่อเทวดาจําเป็นต้องจุติ จะมีเหตุให้รู้ตัวเพื่อเตรียมใจ
เหมือนกันว่า ได้เวลาแล้วที่จะต้องละจากทิพยสมบัติเหล่านี้
นั่นก็คือ ดอกไม้ทิพย์ซึ่งประดับอยู่ในวิมานของตัวเองจะ
เหี่ยวแห้งลง และไม่มีกลิ่นหอม เสื้อผ้าอาภรณ์อันเป็นทิพย์ก็จะ
เศร้าหมองลง ดูแล้วไม่สดใส รัศมีกายก็เริ่มลดลง ไม่สว่างไสว
อย่างที่เคยเป็น เหงื่อจะไหลออกจากรักแร้ อาสนะที่นอนที่นั่ง
ซึ่งเคยใช้สอยอย่างสำราญ กลับแข็งกระด้าง มีอาการร้อน
เหมือนลุกเป็นไฟ ทําให้ใจห่อเหี่ยวเศร้าหมอง เทพบางตนก็
สามารถทําใจได้ บางตนก็มีอาการห่วงหาอาลัย ไม่อยากจากไป
แต่ก็ต้องจำใจ บนสวรรค์ก็มีสุขมีทุกข์คลุกเคล้ากันไปอย่างนี้
คำว่า ภพสาม นอกจากสุคติสวรรค์แล้ว ยังรวมไปถึง
รูปภพและอรูปภพอีกด้วย รูปภพ คือภพภูมิซึ่งเป็นที่รองรับ
ของกายรูปพรหม มีความละเอียดประณีตขึ้นไปอีก ส่วนมากผู้
ที่มาอุบัติเป็นพรหม มักจะเป็นผู้บำเพ็ญภาวนาได้บรรลุรูปฌาน
สมาบัติ เจริญเมตตาธรรมเป็นประจำ จึงเข้าถึงพรหมโลก คำว่า
พรหมโลก หมายถึงโลกที่มีแต่ความเจริญ ทั้งผิวพรรณวรรณะ
เปล่งปลั่งผ่องใส มีวิมานอันเป็นทิพย์ มีอายุยืนยาวเป็นกัปทีเดียว
รวมแล้วก็คือ มีความพิเศษกว่ากามาวจรภูมิในทุกเรื่อง
แล้วสามารถทําเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา ให้ได้มรรคผลนิพพาน
โดยไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ได้