ข้อความต้นฉบับในหน้า
Bsual
สังเกต คนดีที่ความประพฤติ
๔๑๐
นําเพ็ญเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ พระองค์จึงเลื่อมใสมากขึ้น
ไปอีก ได้เข้าไปหาเสตเกตุดาบส ทรงนมัสการแล้วตรัสถาม
ปุโรหิตซึ่งเป็นบัณฑิตว่า “ท่านปุโรหิต ที่เหล่าดาบสผู้นุ่งหนัง
สัตว์ที่แข็งกระด้าง มีรูปร่างเศร้าหมอง ร่ายมนต์อยู่อย่างนี้
จะพ้นจากอบายหรือไม่” ปุโรหิตกราบทูลเป็นข้อคิดว่า “ผู้ใด
เป็นพหูสูต คงแก่เรียน แต่ได้กระทำบาปกรรมไว้ ไม่ประพฤติ
ธรรมเลย ผู้นั้นแม้จะมีเวทมนต์ตั้งพัน แต่ความประพฤติไม่ดี
ไม่ถึงจรณะ ก็ไม่อาจพ้นทุกข์ไปได้” จรณะในความหมายของ
ปุโรหิตนี้หมายถึงสมาบัติ ๘ เพราะความรู้ของคนในยุคนั้น
รู้แค่นั้นเท่านั้นเอง แต่เป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมเจริญ
สมาธิภาวนา
เสตเกตุดาบสได้ฟังเช่นนั้นคิดว่า ปุโรหิตกำลังจะ
บั่นทอนความเลื่อมใสของพระราชา
เดี่ยวพระราชาจะทรง
เข้าใจว่า เราไม่รู้อะไรเลย อย่ากระนั้นเลย เราต้องพูดอะไรสัก
เล็กน้อย จึงตอบว่า “คนมีเวทมนต์ก็ไม่สามารถพ้นทุกข์
พระเวททั้งหลายเป็นสิ่งไร้ผล จรณะเท่านั้นเป็นของจริง”
ปุโรหิตผู้เป็นบัณฑิตก็กล่าวว่า “พระเวทไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีผล
คนอาศัยพระเวทได้รับเกียรติก็มี ผู้ที่ฝึกตนแล้วด้วยจรณะจะ
บรรลุถึงความสงบและแดนแห่งบรมสุขอันเกษมได้ ดังนั้นคนที่