ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อธิบายความสัมพันธ์ เล่ม ๒ -หน้าที่ 20
ฉะนั้น เมื่อมีสัญญาวิสะแสนะ ก็ต้องมีสัญญาวิสสะเป็นคู่กัน เรียก
สัญญา มีสัญญา ก็ต้องมีสัญญา แม้จะไม่เรียก บทที่เป็นตัวข้างของ
สัญญา ก็เป็นสัญญา หรือสัญญาวิสสะอยู่ในตัว ทบทนนามที่เป็น
ตัวสัญญา ไม่พึงทิ้งชื่อในวรรณคดีใดๆในประโยค เช่น สะกดตา เป็นต้น
ดังตัวอย่างง่ายๆ ว่า กุมภโมสโก นาม สะกด "เศรษฐีชื่อว่า
กุมภโมสกา" เรียกสัมพันธ์ว่า กุมภโมสโก้ ปัณ สะฤทธิ์ ปาท สุขวิทิวเสสน. นามสุโก โชคโก. เสฤทธิ์ ป่า สฤทธิ์นิสเเส.
(และสัญญาณีเป็นภายในในอะไร ก็ต้องออก)
[๒] จะกล่าวถึงสัญญา-สัญญา ที่ท่านเรียกในโฆษณา พร้อมทั้ง
ตัวอย่าง และจะแสดงตัวอย่างในธัมมปฏิรูปด้วย
สัญญา-สัญญานี้ กำหนดลักษณะสน. ๆ, สัญญาณก็เป็นวิเคราะห์
ความ. (กล่าวเพื่อเข้าใจง่าย คือความที่แปลเป็นด้านเข้าเป็น
ชื่อว่า) สัญญา ก็ถือรับรองหรือปลุกความ. (กล่าวเพื่อเข้าใจง่าย
ก็ถือว่าเป็นตัว "ชื่อว่า." สัญญา-สัญญา โดยปกติในวรรณคดีแก้
มาลีเป็นต้น หรือในตอนที่อธิบายอรรถแห่งคำที่กล่าวไว้งั้น หรือที่
ยกมาอธิบาย และบอกสัญญา ต้องเป็นบทที่อยู่ในบาสเป็นต้น หรือใน
ความท้องต้น ที่ในวรรณคดีเป็นต้น หรือในความท่อนหลังยามา.
อีกอย่างหนึ่ง ในวิเคราะห์ศัพท์ท่านเรียกอัญญาบทของปลอว่า
สัญญา เรียกบาปปลอว่า สัญญา.
สัญญา-สัญญานี้ รวมกันเป็นพากยาง ก็เป็นพากยางลิงค์ตะ
นั่นเอง. บทประธานในพากยางลิงค์ตะที่เป็นสัญญา, ในโฆษณา
เรียกชื่อสัญญูชื่อเดียวเป็นพื้น, แบบนักเรียนควรเรียกคู่กันไป ในตัว