ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิปรายความสัมพันธ์ เล่ม ๒ หน้า ๖๖
มงญาติ ชานาติจิต ปทุมเว ชาอุคาติมัง พลาภาวนุตติ ปทิ พลายุนตติ
ปราสว วิวรณ์ มงญาติ ชานาติจิต ปทุมเว ชาอุคาติมัง มงญาติ จิตติ วิจิตรร วปโคโล ต ปทสกะ กฎวาติมัง ชานาติจิต ปทิ
มงญาติ ปทาส วิวรณ์ นุโคลี ปทสกะ กฎวาติมัง อายุตปัง
[๓] แมหลายบทผสมกันเป็นพวกยศและพากย์ ก็เป็นวิวิระ
- วิวระนะ ได้ อ. สูทม คุมเห มา ปาทามมุญเชะ มา ปาทน
กาล วิจานามิตตุด [พานุกุตุตู ๒/๕๔] "เพราะเหตุนี้ ท่าน
ทั้งหลาย อย่ามาประกอบความประกอบ คือลัง ยกล้งให้มล่วงไป
ด้วยความประมาท."
มา ปาทามุญเชะ มาในคาถา ยกมาทั้งบาท เป็น วิวิระะ;
มา ปาทนกาล วิจานามิตตุด เป็น วิวิระะ ของบาทกานั้น.
(บอกสัมพันธ์โดยอธิบายส่วนหนึ่ง).
[๔] แม้ไม่ใช้บทมในคาถาก็มึ วิวระะ ได้ อ. มรีจ ทุเร
ติณา รูปคติ วิย : คยุฬปา วิ ย โหติ. [ มรีจิกมุญริตุคเถร.
๗/๔] " พยันคดอ่อนเป็นเหมือนรูป คือ เหมือนอรจะถือเอาได้."
ความท่านนี้ อธิบายความว่ามา มรีจมุญ ในคาถาว่า เผยปมิ
เป็นอาทิ บทว่า รูปคติ เป็น วิวิระะ, บทว่า คยุฬปคา เป็น
วิวิระะ.
[๕] วิวระะ กับ วิวระนะ ต้องเสมอกันหรือเทียบเท่ากัน เช่น
เป็นบทนามเสมอกัน อ. อุปโอ: วตุปติ เป็นริยาชั้นเดียวกัน อ.
มงญาติ : ชานาตี, แม้เป็นพากย์ก็ด้วยกัน อ. มา ปามนุญเชะ.