ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิปรายความสัมพันธ์ เล่ม 2 หน้า 161
(๑๐) นิพนธ์นั่น บางทีท่านก็ไม่ว่าว่า เช่น วางอุกหัดนินาบไว้ในท่อนั้น แต่ในท่อนหลังไม่ว่าวจุดนินาบได้มีวางแต่อุคหัดไว้ นำอุปไมยว่าวจุดก็มี เรียงประโยคอุคหัดไว้ข้างหลังประโยคอุไปก็มีจึงต้องอาศัยสังเกตทางความ ให้รู้จักความเป็นข้อสำคัญ.
(๑๑) ความเนื่องกันของพวกที่ค่อนข้างซับซ้อนยิ่งยากนั้น ก็คือความเนื่องกับขอท่าน ๆ ที่เรียกว่า ประโยค ย-๓ ประโยค ยมักปรากฏชัด เพราะท่านวาง อ ศัพท์ไว้ แต่ประโยค ต บางทีก็วาง ต ศัพท์ไว้ บางทีก็วางไว้ ถ้าท่านไม่วางไว้ จำต้องค้นหาให้ได้ว่าไหนเป็นประโยค ต และวาง ต ศัพท์ที่ตรงไหนนบไหน , และประโยค ย นั้น บางทีก็อยู่หลังประโยค ย , บางทีก็อยู่หน้าประโยค ย ยิ่งกว่านั้น ยังมีประโยค ย ซ้อนต่อไปอีก มีใช้ ย-๔ ใช้ซ้อนกันนี้ เป็นความสะดสวยของท่าน แต่เป็นการยากของผู้แปล, ถึงเช่นนั้น ถ้าสังเกตรับประโยคให้ได้แล้วก็ไม่ยาก.
(๑๒) ความเนื่องกันของประโยค ย-๓ นี้ นอกจากกันด้วยประโยค ย เมื่อเป็นประสาของประโยค ต โดยมาก, ประโยค ย ไปเป็นประธานของประโยค ค (ประโยคริยปราศจาก) ก็มี,บางทีไปเป็นนบโคของ ต ศัพท์ในวิภัตดีอื่นบ้าง นี้กล่าวโดยวิธี ตัวประก ย-๓.
นอกจากนี้ จำต้องรู้จักประโยคพิเศษ เช่น ประโยคอธิษฐานนัย ประโยคคำบอกนึกเป็นต้น, ทั้งให้รู้จักประโยคสะบอนออกเลขใบใน.
หลักสังเกตพากยางค์
(๑๓) เมื่อรู้จักพากย์และความเนื่องกันของพวกยังก็แล้ว ก็ต้อง