ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อธิบายความสัมพันธ์ เล่ม ๒ - หน้าที่ 26
ถนอมสุข อุตโณ โคจโรตี ปรมุตโต.[.อจี. วิ. ปรมปรีชา น.
๖๓] "อรรถอย่างยิ่ง (คือ) สูงสุด (คือ) ไม่บรริต อีกอย่างหนึ่ง
อรรถ (คือ) โกณ แห่งญาณอย่างยิ่ง (คือ) สูงสุด เพราะเหตุนี้นั่น
ชื่อปรมตระ."
โยชนา [๑/๓๐] ว่า ปรมตโตติ (ปกติ) ลิขิตโต.
อ. ที่ ๒
สสน ภาวัจ เอกกุตตา สมิ. [อจี. วิ. ปรมปรีชา.
น. ๒๖] "ภายแห่งเอกคติฉบับนี้ ชื่อ เอกคตา คือ สมิติ"
โยชนา [๑/๔๒๒] ว่า ภาวะ เอกกุตตา สมาธิ ปฏุตตย
ลิขิตโต.
ข้อสังเกต: บทความทั่วไป แปลว่า ชื่อ." คำนี้ใช้เสริม
ความมุ่ง นะนั้น ในที่ไม่ใช่สัญญา และใช้คำว่าชื่อ พึงทราบว่า
ใช้เป็นคำเสริมความ.
สัญญี-สัญญาณนี้ มีลักษณะกลับกันกับสุร (สุรปวิสระ) และ
ถ้าเพ่งความกลับกัน สุรปก็กลายเป็นสัญญี-สัญญา, สัญญี-สัญญา
ก็กลายเป็นสุรป. ดังตัวอย่างในสุรปว่า จิตสุดสุด อามพุทธาคมตามคู่อ
ฉน โท ถ้าเพ่งความว่า กระยีสักว่าความที่แห่งจิตใครเพื่อนนอง
ชื่อว่าฉนทะ อามพุทธาคมตามคู่นี้ ก็เป็นสัญญี, ฉน โท ก็เป็นสัญญา.
หรือดังตัวอย่างในสัญญี-สัญญา นี้ว่า จินตนมุตติ จิตติ ถ้าเพ่งความ
ว่า จิต คือลักษณ์ (คือธรรมชาติ) มาตราวิจิต จินตนมุตติ ก็เป็น
บทสรุปของ จิตติ, จิตติ ก็เป็นลงคตะ.