ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อธิบายความสัมพันธ์ เล่ม 2 – หน้า 122
บังคล และอามความทั่งข้างหน้าข้างหลัง จึงเรียกว่า นาคมพฺ ชื่อที่แสดงลักษณะอิทธิที่อยู่ในประโยค ไม่ใช่ชื่อสัมพันธ์ ชื่อสัมพนธ์คงเรียกตามอรรถที่ใช้ เช่น ใน ช. นั้น อิทธิพลอาการ ใน ปวาที
(๔) นิบาตที่ใช้ตามที่วางไว้เรียก สานปุปุต หรือ ฐาน- สัมปุปุต ส่วนนิบาตที่ใช้ไปในที่อื่นมากกว่าเรียก อฎฐานป- ปุญฺญต หรือ อัฏฐานสัมปุปุต (โยนานา อภิรมฺมต. ๑/๒๘๘).
อู. ธิษ เอกาโอ โหตุรณสมฺปิ ทุสานะ คุฬฺติ อสุรณสมฺปิ ทุสานะ คุจฺฉติ....[ภาวะสัมพันธตนต์ส่วนบิบาด ที่ว่าด้วย วิภัปตต] "บุคคลบางพวกในโลกนี้ ไปเพื่ออุส่าชแก้วบ้าง ไปเพื่อ คุ้มแก้วบ้าง...." ปี สำนักงาน เป็นภาวิกัมปะ พิ้งวางแล้ว คุจฺฉติ แหงหลัง หฤรณิ เป็นต้น อิตินฺนภาพ ก็ส่งคระหว้บเข้าใน อัฏฐานสัมปุธ
อัฏฐานสัมปุธนี้ โดยแท้ท่านว่า ถูกลักษณะและวิริยาสัมพันธํดังนี้พวกวิปัปปะในนบั นิยมวางไว้ในต่างกัน (หฤรณํ เป็นต้น) ไม่ว่างทับซ้าก (คจิต).
ในทางอรรถแห่งสัมพันธ๎ นบั ก็เป้นฐานสัมปุธ มีอรรถอย่างหนึ่ง อัฏฐานสัมปุธ มีอรรถอีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ก็ส่งเทกให้ดี เช่น ฏุตตฺฺปิ เจด, ถ้าอปิ เป็นฐานสัมปุธ ก็เป็น ฏุตฺต คจิณ เจด (อิจฺฺภ อปิฺย), ถ้าเป็นฐานสัมปุธ ก็เป็น ฏุตฺต อปิฺ ฆ เอก (อจฺ. อปิฺย), ถ้าเป็นฐานสัมปุธ ก็เป็น ฏุตฺตา อปิ (จงพักฺกรณะ อิปิ อปฺฺยตะ).