ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชา
มหาปูชนียาจารย์ (๑)
๑๓๖
ค้าข้าวระหว่างสองพี่น้องกับกรุงเทพฯ เดือนละ ๒-๓ ครั้ง
ในระหว่างทําการค้า ท่านได้รับการยอมรับนับถือจากทุกคน
เพราะเป็นคนขยัน ท่านทำการค้าขาย เลี้ยงโยมแม่และสมาชิก
ในครอบครัวเรื่อยมา จนอายุย่างเข้า ๑๙ ปี วันหนึ่ง ขณะที่
ท่านน่าเรือเปล่ากลับบ้าน จําเป็นต้องลัดผ่านคลองเล็กๆ ที
ชาวบ้านเรียกว่า “คลองบางอีแท่น” อยู่เขตอำเภอนครชัยศรี
ซึ่งสมัยนั้นเปลี่ยวมาก เรือค้าขายที่ผ่านไปมามักถูกปล้นอยู่บ่อยๆ
ท่านเล่าว่า “อ้ายน้ำก็เชี่ยว อ้ายคลองก็เล็ก อ้ายโจรก็ร้าย”
คราวนั้น เรือของท่านผ่านเข้าไปในคลองนี้เพียงลำเดียว
สักครู่หนึ่งสัญชาตญาณ แห่งความกลัวก็เกิดขึ้น ทําให้คิดจะเอา
ตัวรอด จึงเปลี่ยนเอาลูกเรือมาถือท้ายแทน เพราะธรรมดาเมื่อ
โจรปล้น จะทําร้ายผู้ถือท้ายเรือซึ่งเป็นเจ้าของก่อน ถ้าท่านไป
อยู่ทางหัวเรือ ก็มีโอกาสต่อสู้ได้ง่าย ท่านจึงเปลี่ยนไปอยู่หัวเรือ
พร้อมกับปืนยาวที่บรรจุกระสุนไว้ 4 นัด ขณะที่เรือแล่นเข้าสู่ที่
เปลี่ยวมากขึ้นทุกทีๆ ท่านก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า
คนพวกนี้ เราจ้างเขาคนละ ๑๑-๑๒ บาทเท่านั้น ส่วน
เราเป็นเจ้าของทั้งเรือทั้งทรัพย์ จะโยนความตายไปให้ลูกจ้างก่อน
ดูจะเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์มากเกินไป ทำอย่างนี้ไม่ถูกไม่สมควร
ทรัพย์ก็ของเรา เรือก็ของเรา เราสมควรที่จะตายก่อน เมื่อมี
ภัยมาถึงเขาจะได้หนีเอาตัวรอดไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียของเขาได้อีก