ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๕๑ – มังคลดาตามินีแปล เล่ม ๔ หน้า ๘๒
หลุดพันแล้วอย่างนี้ มาว่า ธมฺมสารํ ควรวามว่า เพราะบรรลุ
พระอัฐ อนึ่งชื่อว่าเป็นสาระ ในธรรมทั้งหลาย เพราะธรรมวินัย
นี้มีวุฒิติปิเป็นสาระ. ทว่า นาย วาวว่า ผู้เป็นคดีอธิษฐานแล้ว
ในนิพานอันเป็นธรรมที่สั้นไปแห่งกลเสร็จเป็นต้น. อีกนื่องหนึ่ง
ธรรมชาติดื้อชื่อว่า ธรรมสาระ เพราะวิเคราะห์ว่า เป็นสาระในสภาว-
ธรรมทั้งหลาย เพราะความเป็นธรรมชาติเสียจึง และเพราะความเป็น
ธรรมชาตประเสริฐ คือจินพพาน. สมจริงดังคำที่พระผู้มีพระภาคตรัส
ไว้ดังนี้ว่า บรรดาธรรมทั้งหลาย วิวาอะไรประเสริฐ. และว่า วิคะ
บันติฤๅกว่าว่า เป็นยอดแห่งธรรมเหล่านั้น. ชื่อว่า ผู้ดีแล้วใน
ธรรมเป็นที่สั้นไป คือในอุปปัทเสนพวก อันเป็นที่สั้นแห่งสงสาร
ทั้งปวง เพราะเหตุธรรมสาระนั้น. บทว่า ปฐฯ แปลว่า ละแล้ว.
บทว่า โอ เป็นเพียงนิมิต๓
[๕๔๗] นิพพานนั่นมี ๒ อย่าง โดยปรยีย ด้วยประการดังนี้.
พระอรรถกถาจารย์ กล่าวว่าไว้แม้นิโรธกถารวิสุทธิสูตรว่า " ปู->
นิพพานอันไม่มีปิจฉา ชื่อว่า อุปปาทะปริญญา. อีกนัยหนึ่ง อุปาทาน
๒ อย่าง คือ อุปาทานคือความยึดถือ ๑ อุปาทานคือปัจจัย ๑. อุปทาน
๔ อย่าง มีความปทานเป็นต้น ชื่อว่า อุปาทานคือความยึดถือ. ปัจจัย
ทั้งหลายที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่าอย่างนี้ว่า ' สังขารทั้งหลายมีเพราะ
อวิชชาเป็นปัจจัย' ดังนี้เป็นต้น ชื่อว่าอุปาทานคืออุปจัย. ในอุปาทาน
๒ อย่างนั้น อาจารย์ยังหลาย ผู้กล่าวว่าอุปาทานคือความยึดถือ ย่อม